ในปัจจุบันมีแพทย์ที่มาทำทางเสริมสวยกันมาก จึงอยากให้ ทุกคนรู้จักแพทย์ที่จะทำผ่าตัดให้ว่าจบอะไรแค่ไหนมา เพื่อความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการ
สวัสดีครับ ผมหมอบี นพ.ฉัตรพงษ์ ศาสตรสาธิต สมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ ตกแต่ง แห่งประเทศไทย มาแนะนำตัว
ทุกคนคงรู้ว่าการจะเอนทรานซ์ เข้าคณะแพทย์ สักที่นึงมันยากเย็นแสนเข็ญ ต้องมีการแข่งขันกันเยอะ โดยเฉพาะในสมัยเมื่อ 10-30 ปีก่อนยังเป็นค่านิยมของคนทั่วไปที่จะเข้าแพทย์นั่นมันแค่เริ่มต้น!!!!
การจะเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งต้องเรียนอีก 14 ปี พระเจ้า!!!! นั่นมัน มากกว่า ประถมบวกมัธยมที่เราฝ่าฟันมาอีกนะ ผมจะมาอธิบายให้ฟัง
ใช่ครับวันที่ประกาศผลว่าผมได้สอบเอน ได้ หมอ เย้ !!! ดีใจนั่นมันก็ปี 2533 ครับ 5555 ฟังไม่ผิดผมเอนเข้าแพทย์ 2533 ผมเอนได้แพทย์ รามาธิบดี เข้าไปแล้วก็เจออาจารย์ รุ่นพี่ รับน้องนู่นนี่นั่น และไปอยู่หอกะเพื่อนที่ศาลายา รวมกันหมดทุกคณะ ก็ทั้งสนุกทั้งเครียดกับการเรียนวิชาใหม่ๆและข้อสอบมหาโหด หลังจากนั้นเราก็เข้าใจหลักการว่าแพทย์ จะเรียนยังไง แพทย์เรียน 6 ปี แบ่งเป็น
- ปี1 จะเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ที่จะยังเกี่ยวกับการเป็นหมอ เลข เคมี ฟิสิกส์ สังคม ฯลฯ
- แล้วปี 2-3 ก็จะเรียน basic science ที่จะมาเป็นแพทย์ครับก็พวก anatomy (ที่เรียนรู้ร่างกายทั้งหมดกับอาจารย์ใหญ่), วิชาอื่นๆพวกหน้าที่อวัยวะร่างกายแต่ละส่วน ,เนื่อเยื่อปกติและผิดปกติร่างกายระดับเซล, วิชาทางยา การใช้ยา, ระบบที่เกิดขึ้นกับร่างกายเราทั้งหลายแหล่ นั่นแหละ ปกติเป็นไงถ้ามันป่วยหรือผิดปกติจะเป็นไง สอบบ่อยมาก เฉลี่ยอาทิตย์ละ2-3ครั้ง มึนน
- หลังจากนั้นขึ้นปี 4-6 เขาจะเรียกชั้นคลินิกคือขึ้นมาเรียนกับผู้ป่วยจริงในรพ. หลักการว่า ปีสี่ ต้องรู้จักโรค วินิจฉัยได้ว่าเป็นอะไร, ปีห้าต้องเรียนการรักษา, ปีหก(extern) ต้องรวมพลังวิชามาดูแลคนไข้คิดการรักษาจริงกับคนไข้ ให้ได้และสอบใบประกอบโรคศิลป์ ที่จะเป็นแพทย์ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ยากมากก เหนื่อยมากครับแต่ผมก็ผ่านมาได้ ด้วย เกียรตินิยมอันดับสอง
อวดเบาๆ คนที่จบจุดนี้จะเรียกว่าแพทย์ทั่วไปหรือ GP (general practitioner) นั่นเอง
เรียนจบหมอแล้วครับ
บทบาทชีวิตเปลี่ยนอีกครั้ง เป็นหมอแล้วคร้าบบบบ จากนี้เราก็ต้องไปใช้ทุนต่างจังหวัดซึ่งก็เป็นการไปทำประโยชน์ให้ประชาชนนั่นแหละ 3 ปี โดยผมก็ ได้ไปใช้ทุนที่รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา โดยปีแรกพวกเราจะถูกเรียกว่า intern ก็ยังจะเปลี่ยนหมุนเวียนทุกวอร์ดเพื่อทำงานจริงและยังต้องมีการ ให้ evaluation จากแพทย์ประจำที่นั่น ว่าผ่านมั้ย
ใช่ครับเรายังเหมือนเป็นนักเรียนกลายๆ ปีเจ็ด ถ้าไม่ผ่านก็จะยังไม่ได้ใบประกอบโรคศิลป์ เป็นทางการในทางอาชีพ หลังจากนั้นผมก็เลือกอยู่ต่อที่นี่เพื่อฝึกในแผนก ศัลยกรรมเลยคือจะเป็นหมอผ่าตัด ก็ลุยเลยครับฝึกงานแบบเจาะลึกก็ได้ทำเคสผ่าตัดมากมาย ได้ประสบการณ์ เยอะแยะจากพี่ๆ ศัลยแพทย์ที่นี่ รอที่จะเข้าไปเรียนเฉพาะทางใน โรงเรียนแพทย์ อีกที ใช่ ยังอีกไกลจ้า
ผมตั้งใจอยู่แล้วว่าจะเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง ก็จะต้องเรียนจริงจังทางนี้ให้ได้ ไม่เอาทางลัด พูดให้มันเต็มปากว่าจบมาจริงไม่ต้องหน้าซีดเวลาคนถามว่าจบไรมา
ผมสมัครเข้าเรียนต่อเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งที่จุฬา และได้รับความเมตตาจากอาจารย์ รับไว้ แต่!!!!! ในสมัยผมต้องจบ ศัลยกรรมทั่วไปก่อนจึงจะมาเรียนศัลย์ตกแต่งได้ อะไปเรียนศัลย์ทั่วไปก่อน อีก 3 ปี และสอบวุฒิบัตร ทางนี้ให้ได้ก่อน
เข้าไปปีแรกที่จุฬา งานหนักมากครับมึนอีกแล้ววิ่งดูคนไข้อยู่เวรสารพัดไม่ได้นอน แต่ก็ได้ รางวัลที่หนึ่งของประเทศในการสอบ basic science ทางวิชาศัลยกรรม ได้รับรางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตรราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เป็นอีกความภูมิใจอีกครั้งในชีวิต
พอเทรนครบสามปีก็สอบวุฒิบัตร ทางศัลยกรรมทั่วไป ในทางการแพทย์ไม่มีคำว่าปริญญาเอก แต่คืออันนี้ล่ะครับวุฒิบัตร เฉพาะทางด้านต่างๆ ซึ่งยากมากและเครียดที่สุดในชีวิตแต่ก็ผ่านมาได้ จากนั้นยังไม่จบครับทำตามความฝันต่อกลับไปสมัครขอเรียนต่อทางศัลยกรรมตกแต่งอีก 2 ปี และต้องสอบวุฒิบัตรทางศัลกรรมตกแต่งอีกใบนึงเป็นปริญญาเอกอีกใบของชีวิต เห้อถึงจุดนี้ ปี 2547 เพิ่งเริ่มต้นชีวิต อายุก็ 32 ละ เพื่อนๆไปถึงไหนละ แต่เรายังไม่หยุดนะ เรายังคงไปช่วยอาจารย์เรา ทั้งแพทย์รุ่นพี่ ช่วยงานผ่าตัดได้เห็นเคสได้ประสบการณ์ มากมายน่าจะสะสมเป็นร้อยเป็นพัน ก่อนจะมา practice แบบคลินิกส่วนตัวจริงจัง ทั้งยังระหว่างนั้นจนปัจจุบันยังไม่เคยหยุดเรียนรู้ ต้องอ่านหนังสือ ประชุมเรียน เข้าคอรสมากมายต่างประเทศในประเทศ ปีนึงอย่างน้อง สองถึงสามครั้ง และอยู่ในวงการตลอดเวลาไม่เคยปิดกั้นไอเดียคนอื่น และพิจารณา มา apply ใช้ในวิชาชีพเพื่อการดุแลคนไข้ ให้สมบูรณ์ที่สุดครับ
จะเห็นว่าหนทางมันยาวไกลมาก กว่าจะได้เป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง
ปัจจุบันเป็นสมาชิก
- ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ แห่งประเทศไทย
- สมาคม” ศัลยแพทย์ตกแต่ง”แห่งประเทศไทย
- สมาคม”ศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวย”แห่งประเทศไทย
- Oriental society of aesthetic plastic surgeons
- และ international society of aesthetic plastic surgeons
มีแพทย์มาทำเสริมสวยกันมาก
ในปัจจุบันมีแพทย์ที่มาทำทางเสริมสวยกันมาก ทั้งแพทย์ที่จบ แพทย์ศาสตร์บัณฑิตเท่านั้นหรือ แพทย์ทั่วไป แล้วมาทำผ่าตัด โดยไปขอดูตรงนั้นตรงนี้มา ขอบอกว่า ที่ไปดูมาก็ไม่ใช่จากผู้เชียวชาญจริงๆเช่นกัน เพราะแพทย์ที่มาทางถูกต้องก็จะไม่เปิดเทรนให้แพทย์ ที่จะไป practice แบบไม่ถูกต้องเช่นกัน รวมทั้งการบอกว่าไปดูงานที่ต่างประเทศมา ทางต่างประเทศเองถ้าจะไปขอเทรนกับเขา เขาก็จะขอใบวุฒิบัตรเป็นภาษาอังกฤษ ว่าเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งจริงๆเช่นกัน ฉะนั้นที่เขาให้แพทย์ทั่วไป ไปดูงาน ไปเข้าคอรส ก็จะไม่ใช่แพทย์ เฉพาะทางทางด้านนี้เช่นกันที่เปิดเทรนเอง
หรือแพทย์ที่จบทางอื่น แล้วมาทำผ่าตัดเสริมสวยด้วย ในประเทศไทยมี คำว่า “สมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า “ ซึ่งสมาชิกก็จะเป็นแพทย์ที่จบทางอื่นแต่มาทำทางเสริมสวยมารวมกัน แต่โดยทางวิชาการแล้วก็จะมี แพทย์ทาง หู คอ จมูก บางท่านในสมาคมที่มีการเรียนต่อเฉพาะทาง “ศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า “ จริงๆเท่านั้น ซึ่งก็มักจะทำผ่าตัดเฉพาะบริเวณใบหน้าเท่านั้นเช่นกัน ไม่ได้ไปทำหน้าอก ดูดไขมัน ตัดหน้าท้อง หรือ body work อื่นๆ
รู้จักแพทย์ที่จะทำศัลยกรรมให้เราดีแค่ไหน?
ทั้งนี้จึงอยากให้ ทุกคน รู้จักแพทย์ที่จะทำผ่าตัดให้ว่าจบอะไรแค่ไหนมา โดยจะเห็นว่าการจะจบมาทำผ่าตัดเสริมสวยให้คุณนั้นต้องฝึกมายาวนานแค่ไหนไม่ใช่การดูงานอะไรระยะสั้นๆแล้วก็มาทำ การจะดูว่าแพทย์นั้นจบไรมา ขอชื่อ นามสกุลแพทย์คนนั้น ซึ่งถ้าจบมาจริงก็จะยินดีให้เช็คครับ
เข้าเว็บไซต์ “แพทยสภา“ กดเช็คชื่อแพทย์ กรอก ชื่อ นามสกุล กด ค้นหา ก็จะขึ้นมาเลยว่าจบแค่ไหน ถ้าจบเฉพาะ แพทย์ทั่วไป ก็จะขึ้นว่า”ยังไม่มีความรู้ความชำนาญ” ถ้าเป็นเฉพาะทางก็จะขึ้นมาว่า จบเฉพาะทางทางใดตั้งแต่ ปีไหน
ลองดูครับ อย่างน้อยคุณก็จะได้อยู่ในมือของผู้เชียวชาญเฉพาะด้านจริงๆ ความปลอดภัยย่อมมากขึ้นเป็นมาตรฐาน อ่อ อยากรู้จักหมอ ก็กรอก ชื่อ นามสกุล ด้านบนในเว็บ แพทยสภา ได้เลยครับ
แล้วเจอกันใหม่ว่าจะเอา สาระอะไรมาฝากเพื่อนๆอีกนะครับเป็นลำดับยังไง ก็ฝากติดตาม กดไลค์ แชร์ subscribed กันไป
ใครอยากปรึกษาอะไรก็ยินดีตอบ add line ที่ @bestheticsurgery หรือคลิกลิ้งก์ได้เลยครับ