หลายคนอาจสงสัยว่า การผ่าตัดดึงหน้าสามารถทำควบคู่กับการเสริมความงามอื่น ๆ เพิ่มเติมได้หรือไม่? ในบทความนี้ หมอจะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการดึงหน้าสามารถทำพร้อมกับอะไรได้บ้าง อะไรควรทำแยกกัน และถ้าต้องทำแยกกัน เมื่อไหร่ควรจะทำได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจและปลอดภัยที่สุด
หัตถการที่เป็นการผ่าตัด
1. การใส่ Implant ต่าง ๆ
การใส่พวก Silicone Implant ของจมูก โหนกแก้ม คาง หน้าผาก สามารถทำพร้อมกันได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของจมูกที่ต้องทำ Open และโดยเฉพาะถ้ามีโอกาสเป็นลักษณะที่จะต้องมีการต่อกระดูกด้วย พวกนี้หมอไม่แนะนําให้ทำพร้อมกับการดึงหน้า เพราะมันจะมีเลือดออกจากการต่อกระดูก มีอาการบวมช้ำ หรือมีโอกาสที่เลือดจะไหลไปคั่งในช่องที่เลาะผิวหนังหรือกล้ามเนื้อของการดึงหน้าได้ อาจเกิดแรงกดทำให้มีผิวหนังตายในบางจุดได้ ดังนั้น ควรจะแยกไปผ่าตัดภายหลังจะดีกว่า
เพราะฉะนั้นถ้าเป็นแค่การใส่ Silicone Implant ทำแบบ Close เป็นการเสริมเฉย ๆ ไม่มีการตัดกระดูก ไม่มีการทำ Open และรื้อโครงสร้างของจมูกเยอะ ๆ อันนี้ทำพร้อมกันได้
แต่ถ้าจะทำ Open จริง ๆ เป็นเรื่องเป็นราว แล้วต้องมีการรื้อ มีการต่อกระดูก มีการทำอย่างอื่นหลาย ๆ อย่าง ทำแยกกันได้จะดีกว่า
แต่ว่าอาจจะมีซิลิโคน อย่างเช่น บางคนเสริมคาง บางคนเสริมโหนกแก้ม โดยเฉพาะฝรั่งเขาอาจจะมี Volume ที่ Loss เยอะ การใส่ Volume เข้าไปในหน้า อาจจะทำให้เขาดูดีขึ้นได้ อันนี้ทำพร้อมกันได้นะครับ
2. การฉีดไขมัน
อาจจะเป็น PRP หรือว่าเป็นอย่างอื่น ไมโครนาโนแฟต จริง ๆ ทำร่วมกันได้นะครับ แต่อยากจะเน้นว่าถ้ามีการผ่าตัดดึงหน้า การฉีดไขมันไมโครแฟต หรืออะไรพวกนี้ที่เป็นเฉพาะจุดเล็ก ๆ อย่างเช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริมฝีปาก หรือคางเล็ก ๆ อย่างนี้จะทำร่วมกันได้
แต่ถ้าเป็นการฉีดทั้งหน้าโดยเฉพาะหน้าผากหรือขมับ ก็ไม่แนะนำครับ เพราะเวลาเราทำ ความบวมมันจะไหลมารวมกับที่เราดึงหน้า ทำให้หายช้าและโอกาสติดของไขมันอาจจะน้อยลง
แต่ว่าถ้าเป็นลักษณะของการฉีดร่องแก้ม การฉีดใต้ตา ร่องน้ำหมาก หรือคางเล็ก ๆ ส่วนนี้มันไม่ได้อยู่ในส่วนที่เกี่ยวกับ Open Space หรือส่วนที่เราเลาะ ก็มีสิทธิ์ที่จะทำพร้อมกันได้นะครับ
แต่ถ้าส่วนอื่น ๆ อย่างเช่น เป็นการฉีดผิวร่วมกัน อาจจะมีคนฉีด PRP ฉีดในเซลล์อย่างอื่น จริง ๆ สามารถทำได้ครับ
3. การทำตาบน ตาล่าง ยกหางคิ้ว
การทำตาบน ตาล่าง ยกหางคิ้ว หรือ Endotine ยกหน้าผาก เป็นหัตถการที่สามารถทำพร้อมกันได้อยู่แล้ว (ถ้าต้องทำ)
4. การผ่าตัดส่วนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำใบหน้า
เช่น การทำหน้าอก การตัดหนังหน้าท้อง Tummy Tuck ดูดไขมัน ยกกระชับต้นขา อื่น ๆ เป็นต้น ถ้ามีลักษณะเป็นทีมแพทย์แยกกัน ทำพร้อมกันเลย โดยต้องไม่ทำให้เวลาในการดมยานานมากเกินไป และหัตถการนั้น ๆ จะต้องไม่ใช่ลักษณะที่จะมีการเสียเลือด หรือเสียน้ำมากจนเกินไป
อย่างเช่น การดูดไขมัน อาจจะทำพร้อมกันได้ แต่ถ้าดูดหลายตําแหน่งมากเกินไป หรือว่า Volume ที่จะต้องดูดออกมันเยอะ คนไข้มีน้ำหนักเยอะ ไขมันเยอะ หรือการผ่าตัดหน้าท้อง แต่ว่าคนไข้ตัวใหญ่หน่อย และ Volume ที่จะต้องเสียระหว่างการผ่าตัดมันเยอะเกินไป อันนี้ก็ควรจะทำแยกกันนะครับ
อย่างเช่น ลักษณะการตัด Belt Lipectomy ต้องตัดรอบตัวเลย หรือว่าคนไข้ตัวค่อนข้างใหญ่หน่อย แล้วเวลาเราเลาะท้อง คนไข้จะเสียน้ำเยอะ อย่างนี้ก็แนะนําให้ทำแยกกันจะดีกว่า
แต่ว่าอาจจะทำใกล้ ๆ กันในแอดมิชชันเดียวกันได้ อย่างเช่น ดมยาแล้วเว้นสัก 2-3 วันและทำอีกหัตถการหนึ่ง
แต่ว่าถ้าจะมีการทำบอดี้กับหน้าด้วย แล้วอยู่ในแอดมิชชันเดียวกัน ในแพลนเดียวกัน หรือจะเว้นแค่ 2-3 วัน หรืออยู่ในแอดมิชชันเดียวกัน หมอแนะนําให้ทำบอดี้ก่อน แล้วค่อยมาผ่าตัดดึงหน้า เพราะว่าเวลาดมยา เขาจะต้องมายุ่งเกี่ยวกับหน้าอีก ถ้าทำผ่าตัดดึงหน้าไปก่อน แล้วจะต้องมีการอ้าปากใส่ท่อหายใจ อาจจะกระทบกับแผลตรงที่เราทำดึงหน้าได้
เพราะฉะนั้นถ้าจะทำบอดี้กับหน้า ถ้าทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ร่วมกัน การผ่าตัดไม่นานเกินไป ไม่ควรเกิน 6-8 ชั่วโมง ทำพร้อมกันได้ โดยแพทย์ผ่าตัด 2 ทีม นะครับ
หรือถ้าจะทำการใหญ่ 2 อัน แต่ว่าในแอดมิชชันเดียวกัน ควรจะเว้นสัก 2-3 วัน แล้วก็ทำบอดี้ก่อน แล้วค่อยมาทำหน้า หรือว่าถ้ามีเวลาที่จะเว้นกันไปเลย ก็ให้อย่างใดอย่างหนึ่งหายดีก่อน เว้นอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
หัตถการที่ไม่ใช่พวกการผ่าตัด
1. โบท็อกซ์
ถ้าจะต้องเติมตรงหางตา หว่างคิ้ว หน้าผาก อันนี้ยุบบวมแล้วแค่สัก 2-3 สัปดาห์ ก็เริ่มทำได้ครับ
2. ฟิลเลอร์
ถ้าจะฉีดบางจุด อย่างเช่น ริมฝีปาก หน้าผาก หรือในกรณีที่เราอยากจะเสริมไปด้วยกันนะครับ เสริมร่องแก้ม จริง ๆ อันนี้ทำพร้อมกันได้ ผ่าตัดทำได้ แต่ว่าถ้าเป็นจุดที่มีการเลาะอยู่ด้วย อย่างเช่น เนื้อแก้ม อันนี้ควรจะเว้นให้หายก่อน อันนี้เป็นหลักการที่คุณหมอบอกไว้ตั้งแต่ต้น ถ้าจะทำอะไรที่อยู่ใน Open Space ที่เราจะต้องเลาะเนื้อเยื่ออยู่แล้ว มันควรจะเว้นให้หายเสียก่อน อย่างน้อยสัก 2 เดือน
3. เลเซอร์ทรีตเมนต์ต่าง ๆ
ในบางคนที่จะต้องแก้พวกรอยย่นเล็ก ๆ พวกเหนือริมฝีปาก หรือแก้รอยฝ้า รอยคล้ำบนผิวหนังเหล่านี้ ควรจะทำเมื่อหายดีแล้วอย่างน้อย 2 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะถ้ามี Laser Energy มาอยู่บนผิวหนังที่ค่อนข้างบาง เพราะว่าเราผ่าตัดแยกชั้นไว้ มันก็อาจจะทำให้เกิดผิวไหม้ตายได้ เพราะผิวหนังตรงนั้นมันถูกเลาะออกมาจากด้านล่าง ยังบางและยังไม่แข็งแรง ก็ควรจะรอให้แผลหายก่อน ส่วนใหญ่จะประมาณ 2 เดือนขึ้นไปนะครับ
4. เทอร์มาจ อัลเทอรา ไฮฟู
ปกติอาจไม่ค้อยต้องทำแล้วเพราะดึงหน้าและคอไปแล้ว แต่ถ้าเป็นกรณีที่ทำเพื่อเสริม หรือ คงไว้ของผลผ่าตัด หรือ ดูแลตัวเอง อย่างเร็วก็เริ่มทำได้ตั้งแต่ 6-8 เดือนขึ้นไป หรือว่าสัก 1 ปี หลังผ่าตัด หรือปีละครั้ง เพื่อเป็นการดูแลตัวเอง ให้ผลการผ่าตัด ผลความเยาว์วัย มันอยู่นานขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมดึงหน้าควบคู่กับการเสริมความงามอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งที่มีประสบการณ์ เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลนะครับ ฝากติดตามเว็บไซต์ Beauty Med Hub https://beautymedhub.com ด้วยนะครับ
เกี่ยวกับ Beauty Med Hub
Beauty Med Hub เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้การรวมตัวของศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง จากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำระดับประเทศ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงามไว้อย่างครบครัน (Certified Doctor Platform) โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ ความเข้าใจที่เป็นประโยชน์และถูกต้องตามหลักการทางการแพทย์ มีเนื้อหาครอบคลุมทุกมิติสำคัญ ทั้งรูปแบบและเทคนิคการทำศัลยกรรม ตลอดไปจนถึงผลลัพธ์ที่ควรคาดหวังหลังเข้ารับการรักษา เพื่อให้ทุกการตัดสินใจเข้ารับการศัลยกรรมเสริมความงามมีความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
รับชมคลิป ดึงหน้าพร้อมกับเสริมความงามอื่นๆ อะไรทำพร้อมกันได้ อะไรควรแยกกัน?
ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน