ปัญหาริ้วรอยบนผิวหน้าถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่บั่นทอนความมั่นใจของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะริ้วรอยร่องลึกบนผิวหนังที่เกิดจากการแสดงอารมณ์และความรู้สึกผ่านใบหน้า เช่น ร่องแก้ม และรอยย่นบริเวณรอบดวงตา หรือที่เรียกกันว่า ตีนกา
วันนี้ เรามาทำความเข้าใจสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยตีนกา ตลอดจนทางแก้ปัญหา ทั้งด้วยวิธีการทรีตเมนต์และการดูแลผิวหน้าไปพร้อม ๆ กันครับ
“ตีนกา” มีสาเหตุมาจากอะไร ?
ตีนกา หรือริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อผิวหนัง ซึ่งเป็นไปตามวัย โดยเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นผิวหนังก็เริ่มบางลงและฟื้นฟูตัวเองได้ช้าลง เนื่องจากเส้นใยอีลาสตินใต้ผิวหนังและคอลลาเจน ที่มีหน้าที่คอยเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิวหนังมีปริมาณลดลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย ขาดความชุ่มชื่น จนเกิดเป็นริ้วรอย
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดรอยตีนกาได้เร็วขึ้น เช่น การแสดงความรู้สึกผ่านทางใบหน้า ทั้งการยิ้ม หัวเราะ ขมวดคิ้ว หรือยักคิ้ว ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อชิ้นเล็ก ๆ รอบ ๆ ดวงตามีการขยับและหดตัวจนเกิดเป็นริ้วรอย ไปจนถึงการนั่งเท้าคาง และการดึงผิวหน้า การเปิดเผยผิวหนังสู้แสงแดด ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่โดนแดดบ่อย ๆ เสื่อมสภาพและฟื้นตัวได้ช้าลง เนื่องจากรังสี UV ทำลายเซลล์อีลาสตินและคอลลาเจน มลพิษ และการสูบบุหรี่ ไปจนถึงปัจจัยจากพันธุกรรม
วิธีการป้องกันการเกิดริ้วรอยตีนกา
หลังจากที่เราทราบสาเหตุของตีนกาแล้ว เราสามารถสร้างพฤติกรรมเพื่อป้องกันการเกิดตีนกา ด้วยการดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ อย่างเช่น
- เลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายแก่ตัวเร็วขึ้น
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการใช้ครีมรอบดวงตา กระตุ้นความแข็งแรงของผิวหนังไม่ให้หย่อนคล้อย
- ปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ด้วยควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 ขึ้นไป ยิ่งเป็นครีมกันแดดที่เสริมด้วยแร่ธาตุซิงก์ออกไซด์ หรือไทเทเนียมไดออกไซด์ ยิ่งป้องกันการเสื่อมของคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น
- กางร่ม สวมหมวก หรือแว่นกันแดด เพื่อปกป้องผิวหนังไม่ให้ถูกแสงแดดโดยตรง และยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการเกร็งผิวหน้าเวลาเผชิญแสงแดดจ้าจนเกิดเป็นริ้วรอยบนใบหน้า
- หลีกเลี่ยงมลภาวะต่าง ๆ เช่น ควันรถ ฝุ่นละออง สารเคมี
“ตีนกา” และวิธีการรักษาและแก้ไข
นอกจากวิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันและลดปัจจัยของการเกิดร่องรอยตีนกาแล้ว หลายคนอาจจะยังมองหาวิธีการแก้ปัญหาตีนกาแบบเร่งด่วน เช่น การทำทรีตเมนต์ด้วยนวัตกรรมการดูแลผิวหนังที่ลดการคลายตัวของกล้ามเนื้อและเติมร่องรอยบนใบหน้า โดยนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมในการแก้ริ้วรอยตีนกา มีดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) – ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยการฉีดฟิลเลอร์เพื่อลดริ้วรอยตีนกาเป็นการโฟกัสการแก้ปัญหาไปที่ผิวหนัง แพทย์จะเลือกระหว่างสารประเภทไขมันแบบไมโคร เพื่อเน้นเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหน้า และไขมันแบบนาโน เพื่อฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ (Rejuvenise) โดยสารที่นิยมในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อลดริ้วรอย ได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid)
- การฉีดโบทอกซ์ (Botox) – การทำโบทอกซ์จะเน้นการแก้ริ้วรอยตีนกาที่กล้ามเนื้อ ด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตาและลดการหดตัว ส่งผลให้ริ้วรอยตื้นขึ้น แต่ไม่สามารถลดริ้วรอยที่เป็นร่องลึกได้ ซึ่งผลจากการฉีดโบทอกซ์อาจจะอยู่ได้นาน 3-6 เดือน อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์มีผลข้างเคียง ได้แก่ การเจ็บปวด บวมช้ำ เลือดออก และอาจทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนไร้ความรู้สึก จึงควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด
- การทำเลเซอร์ (Laser Treatment) – การทำเลเซอร์ เป็นการกำจัดผิวหนังชั้นนอก เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนังและคอลลาเจนขึ้นใหม่ และช่วยกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การฉีดเลเซอร์ไม่ได้ส่งผลในการลดการขยับตัวของกล้ามเนื้อในบริเวณที่เกิดริ้วรอยตีนกา ซึ่งทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยตีนกาได้ 100% และยังใช้เวลาในการฟื้นตัวค่อนข้างนาน (บางกรณีอาจเป็นเวลาหลายสัปดาห์) และมีอาการเจ็บปวด บวมช้ำ ร่วมด้วย ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดเพื่อพิจารณาผลข้างเคียงและความเสี่ยงจากการเข้ารับการรักษา
การดึงหน้าสามารถลดร่องรอยตีนกาได้ไหม ?
ถือเป็นคำถามที่น่าสนใจของหลาย ๆ ที่คนสงสัยว่า ในเมื่อจะแก้ปัญหาริ้วรอยและผิวหนังหย่อนคล้อยบนใบหน้าทั้งที การทำศัลยกรรมดึงหน้าจะเป็นทางเลือกที่ดีในการแก้ปัญหาอย่างครบสูตรเลยหรือไม่
การทำศัลยกรรมดึงหน้า เน้นไปที่การผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหนังที่หย่อนคล้อย โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การดึงใบหน้าส่วนบนและส่วนกลาง และการดึงใบหน้าส่วนล่าง โดยในการแก้ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยบริเวณรอบดวงตา การศัลยกรรมดึงใบหน้าส่วนบนและกลางจะตรงจุดกว่า เนื่องจากเป็นการยกกระชับใบหน้าบริเวณหน้าผาก หางคิ้ว หางตา และใต้ดวงตา
แต่ต้องเข้าใจว่า การผ่าตัดดึงหน้า อาจจะไม่ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยตีนกาโดยตรง ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ผู้ให้การรักษา เนื่องจากร่องรอยตีนกา เกิดจากการเสื่อมสภาพของชั้นผิวหนังที่บางลง และการฟื้นตัวที่ช้าลงของเส้นใยอิลาสตินและคอลลาเจนที่ถูกทำลายจากการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าอย่างเป็นประจำ
นอกจากนี้ การทำศัลยกรรมดึงหน้าเพื่อแก้ริ้วรอยตีนกายังมีความเสี่ยงจากโอกาสที่แผลผ่าตัดอาจพาดผ่านเส้นประสาท เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตามีขนาดเล็กมาก ดังนั้น แพทย์ผู้ทำการรักษาริ้วรอยตีนกาด้วยวิธีการผ่าตัดดึงหน้า ต้องมีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจเกี่ยวกับกายภาพของกล้ามเนื้อบนในหน้าเป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงและผลกระทบที่อันตรายต่อผู้เข้ารับการบริการ และเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการให้มากที่สุดนะครับ
รับชมคลิป ตีนกา ทางแก้และวิธีดูแลผิวหน้าเพื่อป้องกันริ้วรอย
ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน