ทุกคนคงเคยได้ยินการเสริมจมูกว่ามีแบบเปิดกับแบบปิด ต่างกันอย่างไร ใครเหมาะสมกับแบบไหน บทความนี้มีคำตอบครับ
สวัสดีครับ ผม นพ.ฉัตรพงษ์ ศาสตรสาธิต สมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย มาคุยกับทุกคนอีกครับ พูดถึงผ่าตัดเสริมจมูก ทุกคนคงเคยได้ยิน แบบปิด (CLOSED) กับ แบบเปิด (OPEN) อยากรู้มั้ยครับ ว่าต่างกันยังไงเมื่อไรต้องเปิด เราต้องทำแบบเปิดหรือไม่ มาดูกันครับ
การเสริมจมูกผมพูดแล้วถึงวัสดุที่ใช้ กับ แบบแผนของรูปทรงที่เรามุ่งหมายในใจกันในบทความทำจมูกทรงไหนดี ถึงจะเหมาะกับเรา? คราวนี้จะมาพูดถึงการเลือกวิธีผ่าตัด
การผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด (CLOSED)
การผ่าตัดแบบปิด ซึ่งจริงๆก็เปิดแผล แต่จำกัดให้เแผลอยู่ด้านในเท่านั้น เพื่อการซ่อนแผล แต่ก็ทำให้เกิดการจำกัดในการมองเห็นโครงสร้างทั้งหมดของจมูก แต่แพทย์ ต้องรู้นะครับ ว่าทำอะไรอยู่ส่วนไหน มันจึงจำกัดแพทย์ในการใช้เทคนิคผ่าตัด ที่จะยุ่งกับโครงสร้างจมูกทั้งหมด
จึงมักใช้กับคนไข้ที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรากฐานจมูกมากนัก เช่น
- โครงดีแล้วปลายจมูกไม่สั้น มีเนื้อหุ้มหนาดีพอควร
- ต้องการเพิ่มความโด่งหรือการยืดส่วนปลายยาวขึ้นไม่เกิน 3-5 MM ก็ใช้วิธีนี้ได้
อาจมีการตะไบ HUMP ออกได้บ้างในบางรายถ้ามี วัสดุที่ใช้ก็มักเป็นSILICONE อย่างเดียวหรือ บวกกับ กระดูกอ่อน ใบหู หรือเนื้อเยื่อเทียม ส่วนปลาย เป็นต้น หรือการเสริมเฉพาะส่วนปลายโดยที่ไม่ต้องยืดหรือ ตกแต่งกระดูกอ่อนส่วนปลายมากนัก พวกนี้เราอาจใช้การเย็บ INTERDOME หรือ INTRADOMAL SUTURE เพื่อปรับรูปร่างนิดหน่อย และใช้กระดูกอ่อนใบหู มาเสริมประกอบให้ยืดยาวหรือโด่งขึ้นเล็กน้อยโดยด้านบนโด่งอยู่แล้วเป็นต้น เคสแบบนี้ก็จะไม่มีใครทราบเลยว่าผ่าตัดเสริมปลายจมูกมา ไม่มีทั้งแผลและความบวมที่นานเป็นสัปดาห์
การผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิด (OPEN)
แล้วแบบเปิด (OPEN) ที่พูดถึงกันมากมายล่ะ ดีอย่างไร มีข้อเสียหรือไม่ การทำแบบเปิดก็คือมีแผลเชื่อมระหว่างสองข้างของแผลในจมูกสองข้าง ตรงใต้จุดหยดน้ำหรือCOLLUMELLAที่เรียกกัน
ทำให้หมอสามารถเปิดแผลและเห็นโครงสร้างจมูกทั้งหมดได้ ก็สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงในหลายๆส่วนเพิ่มขึ้นได้ หลักๆก็เป็นการยืดกระดูกอ่อนส่วนปลาย ให้ยาวขึ้น ตั้งโด่งขึ้น โดยใช้กระดูกอ่อนส่วนอื่นมาเสริมค้ำเช่นกระดูกอ่อนของผนังกั้นจมูกเอง (NASAL SEPTUM) หรือใช้กระดูกอ่อนใบหูกับกระดูกอ่อนซี่โครงมาใช้ร่วมกัน (ถ้าต้องใช้ในปริมาณมากขึ้น)เพื่อทำโครงสร่างใหม่ให้จมูกกันเลย และก็อาจเสริมด้านบนจมูกด้วย SILICONE หรือกระดูกอ่อนแบบละเอียดหุ้มด้วยเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อหน้าท้องหรือขมับศีรษะ (FASCIA) หรือลักษณะเป็นแผ่นเลย หรือใช้เนื้อเยื่อก้นกบก็ได้ แต่ส่วนปลายจมูกนั้น ที่มีการเปลี่ยนโครงสร้งแล้วเรามักจะเสริมด้วยกระดูกอ่อนที่ตัดแต่งเป็นรูปปลายจมูกที่สวยงามแล้วเท่านั้นไม่ดันด้วย SILICONE หรือวัสดุเทียมอีก
นอกจากนี้ก็อาจเป็นเรื่องการตอกเอา HUMP ออกบวกกับการตอกฐานกระดูกจมูกที่กว้างให้แคบลงเป็นต้น เหล่านี้ก็เป็นลักษณะการทำแบบจมูกเกาหลีที่เรียกกันซึ่งจริงๆก็ทำกันอยู่แล้วนะครับัในประเทศไทยก็ทำได้ จะเห็นได้ว่า ข้อดีของทำแบบ OPEN คือเราเปลี่ยนแปลงจมูกได้มากขึ้นตรงจุดขึ้นและเป็นธรรมชาติขึ้นในด้านรูปร่าง
ข้อเสียของการทำจมูกแบบเปิด (Open)
- มีแผลเพิ่มใต้จมูก และอาจมีแผลบริเวณที่เอากระดูกอ่อนมาเพิ่มเช่น ใบหู, หน้าอก, ก้นกบ
- โอกาสเนื้อตายของปลายจมูกมีเพิ่มขึ้นเพราะถูกตัดออกจากเส้นเลือด ที่มาเลี้ยงจากฐานจมูกเหลือเฉพาะจากด้านบนลงมาเท่านั้น จึงต้องตึงให้น้อยที่สุด และไม่ตึงเกินไป ซึ่งยังคงมีข้อจำกัดว่า ยาวหรือโด่งได้แค่ไหนอยู่อีกเช่นกัน
- การผ่าตัดซับซ้อนขึ้น ถ้ามีผลแทรกซ้อนก็จะซับซ้อนขึ้นเช่นกัน การแก้ไขก็จะยุ่งยากขึ้น
และถ้าตัดสินใจทำ OPEN แล้วมักต้องดูแลแก้ไขกับแพทย์ท่านเดิมที่รู้ว่าทำอะไรส่วนไหนอย่างไรไปบ้าง การเปลี่ยนแพทย์อาจลำบากขึ้น - แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมากส่วนใหญ่มักจะเป็นหลักแสนบาทเพราะต้องมีการดมยาสลบเพิ่มเติมอีก เวลาผ่าตัดก็นานขึ้นอาจเฉลี่ยประมาณ 2-3 ชม.ขึ้นไป
เพราะฉะนั้นเราจะทำแบบเปิดต่อเมื่อจำเป็นกับโจทย์คนคนนั้น การทำแบบปิดก็ยังมีที่ใช้ครับ ไม่ใช่ว่าทำแบบเปิดเท่านั่นถึงจะเท่ หรือเจ๋ง ถ้าเปิดแต่ข้างในทำเท่าแบบปิด อันนั่นก็เสียค่าใช้จ่ายฟรี เป็นการเพิ่มมูลค่าเท่านั้น
เราควรทำจมูกแบบใด ปิดหรือเปิด?
ทีนี้ใคร ล่ะถึงควรจะต้องทำแบบเปิด ก็คนที่ต้องการยืดปลายจมูก ออก ค่อนข้างมาก หรือต้องผ่าตัดตอกยุบกระดูกจมูก หรืออื่นๆ ร่วมด้วยหลายอย่าง ลองเชคลิสต์ตัวเองได้นะครับ หมอจะทำคร่าวๆไว้ให้ คลิกที่นี่เพื่อรับ Checklist เราควรเสริมจมูกแบบใด เพิ่มเพื่อนใน LINE แล้วรับได้เลย ว่าเราคุ้มไหมที่จะจ่ายในราคานั้นครับ
ใครมีคำถามทุกเรื่องเกี่ยวกับศัลยกรรม ถามมาได้ครับ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงค์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน