063-594-1656, 063-562-6164

พอถึงช่วงวัยหนึ่ง ผิวหน้าที่เริ่มหย่อนคล้อยก็อาจจะส่งปัญหารบกวนจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นในแง่บุคลิกภาพ ความน่าเชื่อถือ หรือความสวยความงาม การมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ไร้รอยตีนกา อาจเป็นสิ่งที่หลายคนมองหา จึงเริ่มพิจารณาการศัลยกรรมดึงหน้าเป็นทางเลือก และสำหรับวัยรุ่นบางคนที่มีปัญหาตาตก หรือมีชั้นไขมันบริเวณหนังตาบนเยอะ ก็อาจจะเริ่มมองหาวิธีการดึงหน้าเป็นอีกตัวเลือกเช่นกัน แต่นอกจากการดึงหน้าแบบเดิมแล้ว การ “ดึงขมับ” (Temporal Lift) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ทั้งบริเวณส่วนบนและส่วนล่างของใบหน้าบางส่วนได้

การดึงขมับ (Temporal Lift)

อาจเหมาะสมในคนไข้ที่อายุยังไม่มากนัก ประมาณ 30 ปีปลายๆหรือ 40 ปีต้นๆ ที่เพิ่งเริ่มหย่อนคล้อยแต่อาจยังไม่ลงถึงระดับขอบล่างใบหน้าและลำคอ

ศัลยกรรมดึงขมับคืออะไร ?

ศัลยกรรมการดึงขมับ เป็นการจัดกรอบรูปหน้าใหม่ด้วยการผ่าตัดดึงผิวหน้า โดยจะเป็นการดึงผิวหน้าและกรอบคิ้วขึ้นประมาณ 1 ใน 3 จากของเดิม และเย็บเก็บแผลบริเวณไรผม ซึ่งจะช่วยดึงผิวหน้าให้มีความเต่งตึง กระชับมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดูหลอกหรือตึงเกินไปจนตาโตดูหลอก ตกใจตลอดเวลา

เย็บเก็บแผลบริเวณไรผม ซึ่งจะช่วยดึงผิวหน้าให้มีความเต่งตึง

และด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน นอกจากการดึงขมับ อาจพูดถึงการดึงหน้าผาก หรือ ยกคิ้ว เพิ่มเติม ในสองแบบ

  1. การศัลยกรรมดึงหน้าผากด้วยวิธีปกติ ด้วยการฉีดยาชาหรือวางยาสลบ และทำการผ่าตัดเนื้อเยื่อบริเวณกรอบบนของศรีษะ จากด้านบนใบหูด้านซ้ายจรดใบหูด้านขวา และขยับผิวหน้าขึ้น แล้วเย็บเก็บแผลบริเวณหลังไรผม หรือบริเวณไรผมในกรณีที่ต้องการร่นระยะ ไรผม (hairline) ลง ขึ้นอยู่กับขนาดศีรษะของผู้เข้ารับบริการ และผลลัพธ์ที่ต้องการ

    การศัลยกรรมดึงหน้าผากด้วยวิธีปกติ

  2. การศัลยกรรมดึงหน้าผากผ่านกล้อง Endoscopic เป็นการใช้วิธีส่องกล้องเพื่อทำการผ่าตัด โดยใช้ Endotine ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีลักษณะคล้ายหมุดขนาดเล็กที่ทำจากวัสดุคล้ายไหมละลาย เข้ามาตรึงผิวหน้าเพื่อยึดและยกกระชับผิวหนัง โดยจะเกิดเป็นแผลเล็กประมาณ 3-4 แผลบริเวณไรผม ด้านบนและด้านข้าง วิธีนี้ แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดไม่จำเป็นต้องตัดหนังศีรษะทิ้ง และใช้เวลาผ่าตัดไม่นานเพียง 1-2 ชั่วโมง

    การศัลยกรรมดึงหน้าผากผ่านกล้อง Endoscopic

ดังนั้นการศัลยกรรมดึงขมับ เมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรมยกหน้า (face lift) ทั้งใบหน้า มีการตัดผิวออกน้อยกว่า ขยับกล้ามเนื้อผิวหน้าน้อยกว่า แต่ก็ยังเป็นการแก้ปัญหาริ้วรอยจากภายในสู่ภายนอก ที่ให้ผลลัพธ์ในระยะยาวกึ่งถาวร คือประมาณ 5 ปี

การทำศัลยกรรมยกหน้า (face lift) ทั้งใบหน้า

ซึ่งถ้าใครทำแล้วรู้สึกว่าใบหน้ากลับมาหย่อนคล้อย ก็สามารถกลับมาปรึกษาแพทย์และทำศัลยกรรมดึงขมับอีกครั้งได้

ข้อดีของการทำศัลยกรรมดึงขมับ

  • ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา รอยพับบริเวณคิ้ว เส้นหน้าผาก และตีนกา
  • ช่วยยกกรอบคิ้วให้สูงขึ้น รับกับกรอบใบหน้า
  • ช่วยแก้ปัญหาตาตก เปิดตาให้โต สว่างใสมากขึ้น หน้าไม่ดูง่วง
  • ช่วยดึงแก้มที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึง โชว์รูปหน้ามากขึ้น
  • ระยะเวลาในการผ่าตัดไม่นาน ประมาณ 2-3 ชั่วโมง พักฝื้นเร็ว แผลหายภายใน 2 สัปดาห์
  • แผลเป็นซ่อนอยู่ใต้ไรผม แทบมองไม่เห็นหรือเห็นไม่ชัด

ศัลยกรรมดึงขมับน่ากลัวไหม และเหมาะกับใคร?

ดึงขมับน่ากลัวไหม

เนื่องจากไม่ได้เป็นการศัลยกรรมที่ดึงผิวหน้าเยอะ การทำศัลยกรรมดึงขมับจึงเป็นหัตถการที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นเยอะ แถมแผลเป็นที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก เหมาะกับคนที่

  • มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย
  • มีหนังรอบดวงตาเยอะ คิ้วตก แต่ไม่ได้ตกมากจนเกินไป
  • ไปฉีดฟิลเลอร์มาแล้วแต่ยังแก้ปัญหาริ้วรอยบนในหน้าได้ไม่ครบถ้วน
  • ไม่ต้องการให้หน้าตึงจนเกินไป

การเตรียมตัวก่อนการทำศัลยกรรมดึงขมับ

  • ในขั้นตอนการเลือกแพทย์ที่จะเข้ารับบริการด้วย ควรศึกษาผลงานของแพทย์ที่น่าเชื่อถือ และรีวิวผลการทำงานที่ผ่านมา
  • เมื่อเลือกแพทย์ได้แล้ว ขอเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างละเอียด เพื่อวางแผนการผ่าตัดให้ตรงความต้องการมากที่สุด
  • ก่อนผ่าตัด ควรงดรับประทานยาและอาหารเสริม ตลอดจนเครื่องดื่มที่อาจส่งผลกระทบกับการผ่าตัด โดยเฉพาะยาในกลุ่ม NSAID เช่น แอสไพริน ที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด และวิตามินที่มีผลกับอาการบวมช้ำ เช่น วิตามินอี วิตามินเอ วิตามินดี น้ำมันปลา คิวเทน หรืออื่นๆที่ไม่แน่ใจ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์

    น้ำมันปลา คิวเทน

  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนและหลังผ่าตัด
  • งดอาหารและเครื่องดื่ม ก่อนเข้าห้องผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ในกรณีที่จะดมยาสลบ ยกเว้นถ้าจะทำแบบฉีดยาชาและทำเฉพาะการดึงขมับจริงๆก็สามารถทำได้ครับและไม่ต้องงดน้ำและอาหารเสียทั้งหมด แต่อาจทานอะไรที่เบาท้องและไม่อิ่มมาก

ขั้นตอนการทำศัลยกรรมดึงขมับ

  • แพทย์วางยาสลบ หรือฉีดยาชา
  • เริ่มกรีดแผลบริเวณไรผม เพื่อยกผิวหน้าขึ้น รวมทั้งอาจขยายขอบการผ่าตัดลงไป เพื่อยกกระชับกล้ามเนื้อชั้น SMAS ส่วนบนถึงกลางๆใบหน้าได้ด้วย

    ขั้นตอนการทำศัลยกรรมดึงขมับ

  • ตัดหนังส่วนเกินออก
  • เย็บแผลเก็บเข้าบริเวณไรผม
  • เวลาในการทำการผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  • ใช้เวลาพักฟื้นก่อนตัดไหมประมาณ 7-10 วัน

การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด

  • หลังผ่าตัดแล้วต้องพยายามรักษาแผลให้ดี โดยใช้ผ้ายึดรัดไว้ในช่วงวันแรก
  • ภายใน 4-5 วันหลังเข้ารับการผ่าตัด แผลผ่าตัดอาจจะบวม ให้ใช้การประคบเย็นบริเวณหน้าผากในช่วง 7-10 วันแรก
  • นอนยกหัวสูงเพื่อไม่ให้เลือดคั่งค้างบริเวณแผล ลดอาการบวม
  • รับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ และถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น ผืนแดง คัน แพ้ยา คลื่นไส้อาเจียน แน่นหน้าอก ให้รีบเข้าพบแพทย์ทันที
  • ภายใน 7 วันหลังการผ่าตัด เข้าพบแพทย์เพื่อเช็คอาการ คลายไหม ลดอาการตึง และ ตัดไหมเมื่อครบกำหนด (ส่วนใหญ่ภายใน 14 วัน)
  • หากมีอาการเขียว บวมช้ำ ให้ประคบเย็นต่อเนื่อง
  • หลังแผลหายดีแล้ว สามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด และออกกำลังกายตามปกติได้ภายใน 1-2 เดือน
  • หากกังวลเรื่องแผลเป็น ให้ทาวิตามินอีบริเวณรอยแผล เพื่อลดเยื่อพังผืดไม่ให้แข็งตัวจนเกิดเป็นแผลเป็น

ข้อควรระวังในการทำศัลยกรรมดึงขมับ

  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรควรเว้นจากการทำศัลยกรรมดึงขมับไปก่อน
  • ผู้ที่มีภาวะโรคหลอดเลือดผิดปกติต่าง ๆ หรือรับประทานยาที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือด หรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด

บทสรุปการดึงหน้า ดึงขมับ

การทำศัลยกรรมดึงขมับไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

เห็นไหมครับว่า แท้จริงแล้ว การทำศัลยกรรมดึงขมับไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าผู้ที่เข้ารับบริการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และประเมินความต้องการที่แท้จริงของตัวเองได้ ว่าต้องการเข้ารับการรักษาปัญหาบนผิวหน้าอย่างไร

และที่สำคัญ อย่างที่หมอเคยพูดไปว่า ถ้าจะทำให้ดีขึ้นเมื่อเกิดการยกแล้ว เราสามารถทำประกอบกับการฉีดไขมันระดับ Micro ได้ เพื่อฉีดเติมใต้ตา ร่องแก้ม หรือว่าหน้าผากเนี่ย ให้มันดู Refresh ขึ้นมาได้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่า

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำหัตถการทุกอย่างย่อมมีผลข้างเคียงอยู่แล้ว เช่น อาการบวม ชา แผลอักเสบ หรือเส้นประสาทเสียหายบางส่วน แต่ถ้าหากเราเลือกหมอให้ดีและดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ หมั่นรักษาแผล และทาวิตามินบำรุงแผลหลังผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยลดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์จากการผ่าตัดได้ และควรสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น เพื่อเข้ารับการรักษาและพบแพทย์ได้ทันท่วงที

ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน

รับชมคลิป ศัลยกรรมดึงหน้า ดึงขมับ เหมาะกับใคร?