063-594-1656, 063-562-6164

ปัจจุบันการดึงหน้า เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และมีวิธีการทำที่หลากหลาย วันนี้หมอจะพูดถึง 7 ปัญหาแทรกซ้อนที่พบบ่อยจากการผ่าตัดดึงหน้า และวิธีการหลีกเลี่ยงกันครับ

1. เลือดออก

เลือดออกจากการดึงหน้า

การผ่าตัด ย่อมมี จุดเลือดออกแต่ ถ้าเราทำ ผ่าตัดแบบรู้ชั้นของเนื้อเยื่อ (Plane) การเลาะให้ถูก ฉีดยาชาให้เป็น จะมีเลือดออกน้อย เพราะรู้กายภาพเส้นเลือด ทุกจุดตรงไหนมีหรือไม่มี และ ต้องรู้การหยุดเลือดที่ถูกต้อง บริเวณที่ผ่าตัดต้องแห้งสนิท ก่อนเย็บปิดแผล และ อาจจะวางสายระบายเลือดไว้ในรายที่ผ่า anterior lift หรือ full face lift รวมทั้งการปิดแผลพันแผลที่ดี ก็มีส่วนสำคัญ อ่านเพิ่มเติม เจาะลึกการดึงหน้าฉบับสมบูรณ์

2. การติดเชื้อ

ห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐาน

ต้องมี sterile technique ที่ดี การเตรียมคนไข้ ต้องดี สถานที่ต้อง สะอาด ระดับปลอดเชื้อแบบห้องผ่าตัดจริงๆไมาใช่จะเป็นห้องสร้างแบบใดก็ได้มาใช้ผ่าตัด ของที่ใช้ ผ้าปู เครื่องมือ ตัวแพทย์ พยาบาล และทุกจุดต้องปลอดเชื้อจริงๆ จึงต้องเลือกสถานที่ เลือกแพทย์ ที่ได้มาตรฐานสูงพอควร รวมทั้ง แพทย์ มักจะให้ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฎิชีวนะ ก่อนและหลังผ่าตัดโดยระหว่างอยู่ในสถานพยาบาลก็จะให้แบบฉีดสัก 24 ชม. แรก และมียากินต่อที่บ้าน รวมทั้งการดูแลแผลของผู้ป่วยเองแนะนำ ไม่ควรโดนน้ำในช่วง สัปดาห์ แรก เช็ดให้สะอาดและแห้งเสมอ ด้วยน้ำเกลือสำหรับเช็ดแผล อาจทาหรือไม่ทา ยาขี้ผึ้งฆ่าเชื้อร่วมด้วยก็ได้ ไม่เดินทางไปที่ฝุ่น เยอะ ร้อนมีเหงื่อมาก หรือที่สกปรก มีขยะ หรือบริเวณที่เลี้ยงสัตว์

3. อาการชา

หลังผ่า จะมีอาการชา บริเวณที่มีการเลาะเนื้อเยื่อ และจะดีขึ้นเรื่อยๆตามการหายของแผล เมื่อผิวหนังหายและติดกับเนื้อเยื่อด้านล่างเหมือนปกติ โดยบริเวณหลังหูอาจหายช้าสุดใช้เวลา 2-3 เดือนขึ้นไป การผ่าตัดก็ต้องหลีกเลื่ยงการทำลายเส้นประสาททส่วนรับความรู้สึกให้มากที่สุด

4. อันตรายต่อเส้นประสาทใบหน้า

อันตรายต่อเส้นประสาทใบหน้า

เรื่องนี้สำคัญสุดแพทย์จะต้องเชียวชาญคุ้นชินและรู้ตำแหน่ง ของเส้นประสาทแขนงต่างๆเป็นอย่างดีทั้ง ระยะ และความตื้นลึก ซึ่งบนหน้าคือเส้นประสาทสมองคู่ที่เจ็ด ที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้าส่วนต่างๆ ถ้ามีการถูกตัดขาดจะทำให้เกิด กล้ามเนื้อไม่ทำงานตามส่วนต่างๆได้ เกิดหน้าเบี้ยว แต่อาจมีในบางรายที่เกิดจากความบวมไปกดทับ และมีอาการเพียงอ่อนแรง กว่าอีกข้างในระยะแรก ซึ่งมักหายเป็นปกติ ตามระยะเวลา

5. แผลเป็น

แผลเป็นจากการดึงหน้ารักษาได้

เรื่องแผลเป็นนี้ก็เป็นส่วนสำคัญ โดยเฉพาะในคนเอเชีย ซึ่งมีโอกาสเกิดแผลเป็นง่ายกว่า ในคนผิวขาวหรือฝรั่งที่ผิวเขาบางกว่าเรา เหล่านี้ในส่วนของแพทย์ ก็จะรู้จัก การวางแนวแผล การดึง ที่ไม่ตึงจนเกิดแผลดึงรั้ง หรือหน้าผิดรูป การเย็บแผลที่ต้องสม่ำเสมอ และเรียบไปกับขอบผิวหนัง รวมทั้งการดูแลแผลของผู้ป่วยภายหลังให้สะอาดดี แห้ง ไม่แฉะ ไม่เป็นสะเก็ดเกรอะกรังเมื่อมาตัดไหม ซึ่งจะทำให้ขอบแผลผิวลอกและเกิดแผลเปิดที่ต้องหายด้วย secondary healing หรือผิวชั้นบนต้องฟอร์มตัวเองขึ้นมาใหม่ จะมีโอกาสนูน แดง หรือ อักเสบนานกว่า บางรายทีเป็นแผลเป็นง่ายหรือ อักเสบนาน แพทย์ อาจแนะนำฉีด steroid ความเข้มข้นต่ำๆ สักเดือนละครั้งไป สองถึงสามเดือนจนแผลหายแดงอักเสบ เพียงแต่อย่าปล่อยให้นูน เป็นคีลอยด์ รวมทั้งให้ผู้ป่วยทายา แก้แผลเป็น ไปเป็นระยะ ค่อนข้างนาน สามถึงหกเดือน

6. รูปหน้าไม่ธรรมชาติหรือไม่สมดุล

รูปหน้าไม่ธรรมชาติหรือไม่สมดุล

อันนี้ก็สำคัญ จะเห็นว่าบางคนดึงหน้ามาทำไมดูหน้าแปลกๆไม่ธรรมชาติ ปากฉีกเกินไป หางตาชี้เกินไป เป็นต้น ตรงนี้ต้องมีการวางจุดเชื่อม การวางผิวหนังน้าแต่ละส่วนให้ เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยไป เป็นความเชี่ยวชาญ แพทย์ ที่ต้องรู้ตำแหน่งด้วย ไรผม จอน ต้องไม่หายหรือโล้นเกินไป รอยผมหลังหูต้องตรงกันไม่เป็นขั้นบันได และยังขึ้นกับรสนิยมในการวางรูปหน้าของแพทย์ แต่ละคนด้วย ซึ่งก็ไม่หมือนกันจึงต้องเลือกแพทย์ด้วยครับ

7. ความบวมช้ำ

อันนี้อาจเนื่องมาจากข้อแรกด้วย แต่อาจมีเรื่องความบวม แตกประเด็นมา โดย นอกจากการพันแผลให้ดีแล้ว หลังผ่าอาจให้ผู้ป่วย ใส่ผ้ รัดหน้าไว้เพื่อ support ให้ผิวหนังติดในที่ที่ยกขึ้นไปใหม่ได้เร็วขึ้น ก็จะยุบบวมเร็วขึ้นโดยเฉพาะคนที่ทำการยกแบบ full face lift ทั้งหน้าและคอ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ก็เป็น ปัญหาเบื้องต้นต่างๆที่เราต้องรู้ว่าอาจเกิดขึ้นได้เมื่อทำผ่าตัดดึงหน้า และจะป้องกันอย่างไรนะครับ แล้วเจอกัน ในเรื่องต่อๆไป สวัสดีครับ

รับชมคลิป 7 ปัญหาผ่าตัดดึงหน้าที่พบบ่อย

ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน