ปัจจุบันการเสริมจมูกเป็นเรื่องปกติทั่วไปและเป็นความต้องการหลักในการทำศัลยกรรมตกแต่งของคนไทยและเอเชีย แต่จมูกเป็นอวัยวะที่โครงสร้างซับซ้อนและ มีมิติมากมาย เกิน ระดับ 6 มิติ 8 มิติ ที่จะพูดกัน วันนี้หมอจะพูดถึงปัญหาที่เจอบ่อย แล้วมาขอแก้จมูกกันนะครับ
1. จมูกเอียง
เรื่องเอียง อันนี้เจอบ่อยสุดไม่ว่าจะทำวิธีไหน เพราะโครงสร้างจมูกซับซ้อนและไม่ใข่ชิ้นเดียว และต้องอยู่กับอวัยวะอื่นๆข้างเคียงด้วย รวมทั้งสายตาที่มารุมมองก็ไม่ใช่สายตาคนๆเดียว อันนี้พูดเลยคือร้อยทั้งร้อย ใครทำจมูกไปจะเอียงหรือไม่เอียงถ้าแฟนคลับรู้ ต้องมีมาจ้องแล้วบอกว่า จมูกเราเอียงปะ !! ทำให้เรารู้สึกนอยได้ครับ
สาเหตุที่ทำให้จมูกเอียง
การเอียงเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุขึ้นกับเทคนิคที่ทำด้วย บ่อยสุดก็เกิดจากซิลิโคนซึ่งต้องเหลาให้พอดีกับโครงสร้างคนนั้นจริงๆ โดยเฉพาะด้านล่างหรือส่วนที่จะครอบแนบกับโครงสร้าง ซึ่งที่หมอเห็นส่วนใหญ่ก็ไปใช้ซลิลโคนแบบสำเร็จรูปซึ่งไม่ได้ทำมาเพื่อทุกคน ถ้าจะใช้แบบสำเร็จรูปก็ต้องเหลา ต้องแต่งครับ ไม่งั้นก็จะทำให้ลอย ไม่แนบทำให้เคลื่อนได้ง่าย แต่เอาจริงๆหมอที่ไม่ใช่เฉพาะทาง (อ่านเพิ่มเติม กว่าจะเป็นหมอศัลยกรรมตกแต่ง) จะเหลาแบบเข้าใจโครงสร้างจริงๆยากมากครับถึงเป็นปัญหาใหญ่ เพราะหมอทั่วไปก็มาทำทางนี้กันเยอะแยะไปหมด
ถ้าย้อนกลับไปตอนที่หมอยังเพิ่งจบแพทย์ทั่วไป ยังไม่ได้มาเรียนเฉพาะทางก็คิดว่าตัวเองไม่เข้าใจและไม่สามารถทำได้ดีแน่นอนครับ แต่ทำไมเดี๋ยวนี้มั่นใจกันจังว่า “ทำได้”
การผ่าตัดการเลาะช่องโพรงให้อยู่ตรงกลางไม่เบี้ยวเอียง เพื่อใส่วัสดุต่างๆอันนี้ก็ยากและสำคัญสุดครับ ให้ความกว้างพอดีแต่ละจุด บน กลาง ล่าง ไม่รัดไปและอยู่ตรงกลาง บาลานส์สุดๆ อันนี้ทั้งการทำจมูกแบบปิดและแบบเปิดเลยครับสำคัญมากๆ โดยเฉพาะการเสริมจมูกแบบเปิดหรือโอเพ่น จะไปทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ยืด เย็บ ต่างๆ ไม่เท่ากันนิดเดียวก็จะเบี้ยวแล้วครับ
การวางวัสดุเสริมต่างๆทั้ง implant เช่น ซิลิโคน, เนื้อเยื่อเทียม, gortex, หรือเนื้อเยื่อตนเอง กระดูกอ่อนจากที่ต่างๆ เนื้อเยื่อก้นกบ ไขมัน ซึ่งแต่ละชิ้นแต่ละจุดที่วางล้วนแล้วแต่ต้องตัดแต่งรูปร่างตำแหน่งการวางต้องทำให้ balance สุดๆ
นอกจากนี้ ไม่นับคนที่จมูกมีโครงสร้างที่เอียงอยู่แล้วแล้วหมอต้องเข้าไปแก้ไข โอกาสการเอียงอยู่บ้างยิ่งมีมากทวีคูณ ทั้งโครงสร้างเดิมและของที่จะมาเติมใหม่
ฉะนั้นจะเห็นว่าเกิดการเอียงได้ ตลอดเวลาทุกจุด รวมทั้งการดูแลตนเองหลังการผ่าตัดโดยเฉพาะ 7-10 วันแรก ไปโดนอะไรหรือการนอนไปโดนแล้วทำให้เคลื่อนไปก็มีปัญหาแล้วครับ
จะเห็นได้ว่าปัจจัยมากมายเหลือเกิน การเสริมจมูกมีโอกาสเอียงได้เสมอหมอทุกๆคนย่อมมีคนไข้ที่มีปัญหานี้ไม่มากก็น้อย แต่แน่นอนหมอเฉพาะทางจบศัลยกรรมตกแต่งมาจริงๆย่อมมีเคสที่เอียงน้อยกว่ามากๆ ครับ
2. จมูกติดเชื้อ
สาเหตุหลักของการติดเชื้อแน่นอนขึ้นกับความสะอาด ซึ่งต้องเป็นระดับ sterilization ของเครื่องมือทุกชิ้น ผ้าปู ระบบของห้องผ่าตัด วัสดุที่จะใช้กับคนไข้ เทคนิคการผ่าตัดที่ปลอดเชื้อจริงๆ คนไข้หมอเองถามว่ามีเคสที่มีติดเชื้อบ้างหรือไม่ หมอทุกคน มีเคสเหล่านี้ครับ แต่มันต้องเกิดจากคำว่า “ไม่สามารถอธิบายได้ว่าติดเชื้อได้ยังไง” คือมั่นใจว่าการทำผ่าตัดของเรานั้น สะอาดปลอดภัยจริงๆซึ่งเคสของหมอทุกเคสถ้ามีการติดเชื้อจะเป็นแบบนี้ครับคือไม่สามารถอธิบายได้ว่าติดเชื้อยังไง
ก็แสดงว่าอาจจะ มีแผลเล็กในจมูกแล้วมีเชื้อโรคเข้าไปในโพรงที่เราทำผ่าตัดไว้ได้ เพราะจมูกเองไม่ใช่อวัยวะปลอดเชื้อ มีแบคทีเรียมากมายในโพรงจมูก น้ำมูกเอย หรืออื่นๆ รวมทั้งการทานอาหารดิบมากๆ ไม่สะอาด อาจรวมถึงปลาร้าปลาเจ่า ของคนไทย เหล่านี้อาจก่อเกิดภาวะอักเสบในร่างกายเราได้ครับ ฉะนั้นเลือกแพทย์ เลือกสถานที่ดีดี นะครับว่าได้มาตรฐานระดับสูงจริงๆอันนี้คือการผ่าตัดไม่ใช่ทำแบบร้านเสริมสวย
3. จมูกทะลุ ซิลิโคนทะลุ
สิ่งที่ใส่เสริมเข้าไป ต้องมีขนาดเล็กกว่าสิ่งที่ห่อหุ้ม เหมือนกล่องต้องใหญ่กว่าของถึงจะไม่ทะลุ จริงไหมครับ ฉะนั้นที่แก้จมูกแล้วเจอบ่อยๆคือ การพยายามดัน ให้โด่งพุ่งด้วยวัสดุเทียมต่างๆ จนเกินความตึงของเนื้อที่จะรับได้ พอเกิดการรัดจากพังผืด ก็ทะลุ เราจึงมีข้อจำกัดในการเสริมแต่ละคนนะครับ ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่ใช้ implant หรือเนื้อเยื่อตนเองก็ตามแต่ต้องไม่เกินความตึงที่ ผิวหุ้มจมูกจะรับได้
ส่วนการแก้ไขถ้าสงสัยว่าจะทะลุหรือเนื้อบางมากแล้ว อย่าทิ้งไว้นะครับ มาเอาออกก่อนจะทะลุ เนื้อคุณจะไม่เสีย และยังกลับเป็นปกติได้ ถ้าปล่อยให้ทะลุ จะเกิดแผลเป็นและรอยบุ๋มได้แน่นอน
4. รูปทรง ไม่สวย ไม่ธรรมชาติ ไม่โด่งพุ่งเท่าที่ต้องการ
ปัญหานี้ก็เจอมาแก้บ่อย เสริมมาแล้วเป็นแท่งๆไม่ธรรมชาติ โด่งไปหรือน้อยเกินไปครับ ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า หมอที่ทำต้องรู้เรื่องกายภาพโครงสร้างของจมูกว่า จมูกที่สวยจะเป็นจมูกที่เด่นด้วยโครงสร้างภายในหุ้มด้วยเนื้อที่ไม่หนาเกินไป ดังนั้นการเสริมเนื้อให้หนาทั้งอัน เพื่อให้โด่งจากเนื้อที่หนาขึ้นย่อมไม่ธรรมชาติ ที่แน่ๆ หมอถึงไม่เคยแนะนำให้ฉีดฟิลเล่อร์ที่จมูก ร้อยไหมที่จมูก หวังจะรัดเนื้อให้โด่ง ฉีดไขมันเพื่อเสริมจมูก หรือใช้เนื้อเยื่อเที่ยมเพื่อเสริมจมูกทั้งแท่ง ไม่แนะนำเลยครับ เพราะเนื้อเยื่อเทียมจะถูกแทนที่ด้วย เซลพังผืดแล้วค่อยเป็นคล้ายๆเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเรา มันคือการเสริมให้เนื้อหนาขึ้น จึงเหมาะกับการทำเฉพาะจุดที่มีปัญหาจมูกเนื้อบางเท่านั้น
นอกจากนี้ถ้าวัสดุที่ใช้เสริมมามันรูปทรงไม่สวยก็ต้องไปแก้ที่รูปทรง ให้สวยเหมาะ เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยที่ต้องไม่มากเกินเนื้อเยื่อหุ้มที่รับได้ จึงมีข้อจำกัดความโด่งอยู่นะครับไม่ใช่อยากจะโด่งเท่าไรก็ทำได้ ไม่สามารถใช้คำว่า ทำไมคนนั้นทำโด่งเท่านั้นได้ ทำไมเราทำไม่ได้ ไม่มีใครมีต้นทุนอะไรที่เหมือนกัน มันมีข้อจำกัดเฉพาะรายครับ
5. รูจมูกไม่เท่ากัน
เรื่องนี้ก็ต้องกลับไปหัวข้อ เบี้ยวเอียงนั่นแหละครับ ปัญหาเดียวกัน แต่ก็จะบอกว่าบางคนก็นั่งจ้องมันมากเกินไป ไม่มีใครที่รูจมูกเท่ากันเป๊ะ ทุกมิลลิเมตรครับ เอาเป็นว่ามองโดยทั่วไปแล้วไม่ผิดเพี้ยนผิดธรรมชาตแบบเห็นชัดๆเลยและไม่สามารถอธิบายได้จากการเอียงบิดเบี่ยวของการผ่าตัด จริงๆ อันนั้นเป็นพอ
6.ตัดปีกจมูก แล้วไม่เท่ากัน
ปัญหานี้พูดยากครับ การตัดปีกต้องมี limit อย่างที่หมอเคยเขียนในบทความเรื่องตัดปีกจมูก – 4 เรื่องควรรู้ก่อนตัดปีกจมูก และต้องไม่ตัดมากเกินไปจนผิดรูปอันนี้เสียหายถาวร เพราะฉะนั้นอาจมีบางเคสเท่านั้นที่พอจะแก้ไขได้ ถ้ามาแบบตัดมากเกินจนพิการไป อาจแก้ไขเกือบไม่ได้เลยครับ เอาเนื้อส่วนอื่นมาเติม เช่น ขอบใบหู อาจช่วยได้บ้างและ อาจสำเร็จในบางรายเท่านั้น การตัดไม่มากเกินไปจึงสำคัณที่สุด
7.จมูกสั้น จมูกยาวเกินไป
ปัญหานี้ถ้าจะแก้จมูกส่วนใหญ่คงต้องเป็น การแก้จมูกแบบ open เพื่อเข้าไปปรับที่โครงสร้างจริงๆอีกทีว่าได้แค่ไหน เอาอะไรมาเติมได้บ้าง มีพอมั้ย เนื้อจมูกรับได้มั้ย ในคนที่สั้นไป ส่วนในคนที่จมูกยาวเกินไป ยาวจากโครงสร่างหรือวัสดุที่ใช้ มันยาวไป ก็ต้องวิเคราะห์ และแก้ไขให้ถูกจุดครับ
8. จมูกด้านข้างไม่เรียบ มี hump หรือรอยกระดก
เรื่องนี้ก็ต้องดูว่าจากโครงสร้าง หรือ วัสดุที่ใส่ ไม่เรียบ ครับ ถ้าเป็นโครงสร้างก็คงต้องเข้าไป ตะไบหรือตอกกระดูก ถ้าเป็นวัสดุเองก็ต้องเปลี่ยนปรับแต่งใหม่
มีบางเคสที่อยากให้หมอทำแล้วดูมี hump เล็กๆ เพื่อให้เหมือนจมูกธรรมชาติก็มีนะครับ โดยเฉพาะในคนไข้ผู้ชาย – เสริมจมูกผู้ชาย ก็จัดไปครับ แต่ต้องไม่เยอะเกินจนดูผิดรูปนะครับ
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆในแต่ละรายที่มาปรึกษา จากการทำมาแล้วอยากเปลี่ยนแปลงนะครับ ซึ่งต้องวิเคราะห์ ปัญหาเป็นรายๆไป แก้ได้ หรือแก้ไม่ได้ ก็ต้องบอกกัน บางครั้งต้องไปทำ เอกเรย์ คอมพิวเตอร์ หรือ CT กันก่อนเลยว่า รายละเอียดภายในเป็นอย่างไรโดยเฉพาะที่เคยทำ แบบ open มา และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้วย
นอกจากนี้ยังขึ้นกับความพอใจของคนไข้นั้นๆเองว่าความคาดหวังอยู่บนความเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าคาดหวังเกินความเป็นไปได่จริงๆก็ไม่สามารถเป็นไปตามนั้นได่อยู่ดี ครับ ใครมีปัญหา ก็ปรึกษาเข้ามาได้ครับ แล้วก็ต้องดูว่าแก้ไขอะไรได้มั้ย หมอเองก็ไม่ใช่คนเก่งที่สุดครับ แค่ทำเคสของตัวเองให้ดีที่สุด ตั้งใจที่สุด ทำอะไร อยู่ในมาตรฐานจริงๆเท่านั้นเอง มีคนที่เก่งกว่าผมอีกเยอะแยะ !!!
ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน