เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายและผิวพรรณย่อมเสื่อมลงเป็นธรรมชาติ หลายคนจึงมองหา “วิธีชะลอวัย” ที่จะทำให้ตัวเองดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ทั้งการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน และการใช้หัตถการหรือศัลยกรรมความงามเข้าช่วย
วันนี้หมอจะมาสรุปภาพรวมการดูแลตัวเองเพื่อชะลอวัยให้ได้มากที่สุด และแนะนำแนวทางการทำหัตถการต่าง ๆ ที่ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์กว่าวัยกันครับ เมื่อเราเข้าใจภาพรวมทั้งหมด ทุกคนก็จะดูแลตัวเองได้ดีขึ้นนั่นเอง
1. วิธีดูแลสุขภาพเพื่อชะลอวัย

1.1 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ใคร ๆ ก็รู้ว่าการออกกำลังกายและทานอาหารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น เพราะร่างกายย่อมมีการเสื่อมลง แต่หลายคนก็มักจะรู้สึกว่าทำไม่ได้จริงสักที หมอจะบอกว่าการออกกำลังกายเพื่อชะลอวัยให้ได้ผลที่สุด และใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า คือการ “เข้ายิม” หรือออกกำลังกายแบบมีเป้าหมาย ไม่ใช่แค่การออกกำลังกายทั่วไป เพราะการจัดสรรเวลาคือหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพ
ตารางออกกำลังกายที่หมอแนะนำ
ลองจัดตารางง่าย ๆ สำหรับตัวเอง โดยแบ่งการออกกำลังกายเป็น 2 ส่วน คือ การเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (เล่นเวท) และ การเพิ่มความทนทานของร่างกาย (คาร์ดิโอ)
- จำนวนวัน: ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์ หรือถ้าเป็นไปได้ 3-5 วันต่อสัปดาห์จะดีที่สุด
- ลำดับการออกกำลังกาย: ในแต่ละวันควรเริ่มจากกล้ามเนื้อใหญ่ก่อน แล้วค่อยไปกล้ามเนื้อเล็ก เช่น อก ไหล่ หลัง แล้วตามด้วยแขน หรือถ้าเป็นร่างกายช่วงล่างก็จะไล่ลำดับเป็น ต้นขา หน้าท้อง ก้น แล้วค่อยไปเอว แขน เป็นต้น
- น้ำหนักที่ใช้: ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำหนักที่มากเกินไป แต่ให้เน้นการทำท่าให้ถูกต้อง น้ำหนักเอาแค่ปานกลางที่เราสามารถทำ Range of Motion หรือช่วงการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อนั้น ๆ ได้ครบ เมื่อกล้ามเนื้อเริ่มคุ้นชินและทำได้อย่างเต็มที่แล้ว จึงค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละนิด โดยไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันกับใคร
- วอร์มอัพและคูลดาวน์: ก่อนออกกำลังกายจะต้องเริ่มด้วยการ วอร์มอัพ อบอุ่นร่างกายด้วยการคาร์ดิโอเบา ๆ เช่น เดินหรือวิ่งบนลู่วิ่งเบา ๆ อย่างน้อย 10-15 นาที เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว และอย่าลืมยืดกล้ามเนื้อก่อนหรือระหว่างออกกำลังกายไปด้วย เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ นอกจากนั้นหลังเล่นกล้ามเนื้อก็ควร คูลดาวน์ ผ่อนคลายร่างกายด้วยการคาร์ดิโอต่ออีก 15-30 นาที เช่น เดินชันบนลู่วิ่งหรือวิ่งเบา ๆ
- ระยะเวลาโดยรวม: การออกกำลังกายในแต่ละครั้งควรใช้เวลาประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง หรือ 3 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นวอร์มอัพ 10-15 นาที เล่นเวท ประมาณ 1 ชั่วโมง และคูลดาวน์ 15-30 นาที
สำหรับการออกกำลังกายในรูปแบบกิจกรรมอื่น ๆ เช่น แบดมินตัน, ฟุตบอล, โยคะ หรือเข้าคลาสต่าง ๆ ควรจัดสรรเวลาไปทำกิจกรรมเหล่านี้เมื่อมีเวลาเหลือจริง ๆ แต่สำหรับคนที่มีเวลาน้อยควรใช้เวลาไปเข้ายิมเพื่อดูแลสุขภาพตัวเองเป็นหลักก่อน เพราะเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในตารางเวลาที่จำกัด ถ้าคนที่มีเวลามากก็ทำได้หลายอย่าง หรืออาจจะแบ่งเวลาอย่างเช่น สมมติมีเวลา 3 วันต่อสัปดาห์ ก็แบ่งไปเข้ายิม 2 วัน อีก 1 วันค่อยไปทำกิจกรรมอื่น เป็นต้น

1.2 การเลือกทานอาหารที่ดี
การเลือกอาหารที่ดีเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพเพื่อชะลอวัย ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่าควรหลีกเลี่ยงของมัน ของทอด แป้ง และขนมหวานระหว่างมื้ออาหาร
หลักการทานอาหารเพื่อชะลอวัย
- งดของหวานระหว่างมื้อ: ควรทานอาหารแต่ละมื้อให้รู้สึกอิ่มไปเลย เพื่อลดการหาขนมหวานหรือของว่างมาทานระหว่างมื้อ
- ลดแป้งในมื้อเย็น: เราสามารถทานแป้งในปริมาณปกติได้ในมื้อกลางวัน แต่สำหรับมื้อเย็น ควรเน้นทานผักและโปรตีนให้มากขึ้น และลดแป้งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ทำ Intermittent Fasting (IF): พยายามเว้นช่วงระหว่างมื้อเย็นของวันหนึ่ง กับมื้อเช้าของอีกวันหนึ่งให้ห่างกันอย่างน้อย 12-16 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเอง

1.3 การดูแลผิวพรรณ
การดูแลผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลย และนี่คือเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและดูอิ่มน้ำ (ยกเว้น! คนที่มีโรคประจำตัวที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำ เช่น โรคไต หรือโรคหัวใจ)
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม: ควรใช้พวกมอยส์เจอไรเซอร์ หรือ Hyaluronic Acid เป็นประจำ เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นและความอิ่มตัวให้ผิว และในตอนกลางวันอย่าลืมทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนาทึบ: ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความรู้สึกเบาสบายผิว หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความหนาทึบกับผิวมากเกินไป จนผิวไม่ได้หายใจ เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และทำให้เกิดฝ้าหรือสิวอักเสบได้ง่าย
ทั้งหมดนี้คือหลักการง่าย ๆ ที่จะช่วยดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อชะลอวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
2. การทำหัตถการเพื่อชะลอวัย

นอกจากเรื่องการดูแลตัวเองจากภายในแล้ว การทำหัตถการทางการแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยชะลอวัยได้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุน้อยที่เริ่มมีปัญหาผิว และยังไม่ถึงขั้นที่ต้องผ่าตัด ซึ่งหัตถการเหล่านี้จะช่วยบำรุงและยกกระชับผิวให้คงสภาพได้นานขึ้น
หัตถการชะลอวัยที่ไม่ต้องผ่าตัด
- ทำทรีตเมนต์และใช้พลังงานยกกระชับ: สำหรับคนอายุน้อยที่ผิวหนังยังไม่หย่อนคล้อยมาก สามารถใช้การทำทรีตเมนต์ผิวด้วยเครื่องมือต่าง ๆ หรือการยกกระชับด้วยพลังงานเบา ๆ เช่น การผลักวิตามิน หรือการใช้คลื่นความร้อน เพื่อช่วยรักษาความกระชับของผิวและชะลอการหย่อนคล้อย
- โบท็อกซ์ (Botox): ใช้เพื่อคลายริ้วรอยที่เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อและผิวที่บางลง เช่น รอยตีนกาที่หางตา, รอยย่นที่หน้าผากและหัวคิ้ว หรือปัญหามุมปากตก
- ฟิลเลอร์ (Filler): ใช้เมื่อผิวหนังเริ่มสูญเสีย Volume หรือความอิ่มฟูที่หายไปในบริเวณเล็ก ๆ เช่น ใต้ตา, ร่องแก้ม หรือขมับเล็ก ๆ และที่สำคัญคือต้องใช้ฟิลเลอร์ของจริง ของแท้ ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และฉีดโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ส่วนฟิลเลอร์ควรใช้ที่เป็น Pure Hyaluronic Acid จะสลายได้ค่อนข้าง 100% แม้ว่าจะไม่ 100% จริง ๆ ก็ตาม แต่หมอไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์เพื่อหวังผลการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยอย่างชัดเจน เพราะจะไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง เสียเงินเยอะเกินไป และอาจต้องใช้ในปริมาณมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาแทรกซ้อนได้
- การฉีดบำรุงผิว: ในช่วงอายุ 20 ต้น ๆ ไม่เกิน 40 ปี อาจมีการฉีดสารบางอย่าง เช่น PRP หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อเพิ่มความอิ่มฟูของผิว อย่างไรก็ตาม แพทย์ศัลยกรรมบางส่วนไม่แนะนำสารกลุ่ม Biostimulator ที่ค่อนข้างถาวร เพราะอาจทำให้เกิดพังผืดหรือไตใต้ผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลต่อการผ่าตัดศัลยกรรมในอนาคต ทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนและผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการได้
3. การทำศัลยกรรมเพื่อชะลอวัย

เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการเสื่อมสภาพของใบหน้า (Aging Process) ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผิวหนังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกชั้นใต้ผิว ตั้งแต่คอลลาเจนในผิวหนัง, ชั้นไขมัน Babyfat ใต้ผิวหนัง, กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ที่ลีบลง กระทั่งไปจนถึงโครงสร้างกระดูกที่ยุบตัวลง ทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อหุ้มต่าง ๆ โดยรวม หย่อนคล้อยลงตามแรงโน้มถ่วง รวมทั้งพวกกรอบตา, โหนกแก้ม, กรามบน, กรามล่าง, กรอบหน้าทั้งหลายจึงชัดน้อยลงด้วย การผ่าตัดศัลยกรรมจึงเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เราลองมาไล่ดูว่า การผ่าตัดแก้ไขปัญหาในแต่ละส่วนของใบหน้า ทำอะไรได้บ้าง
ศัลยกรรมลดอายุ ทำอะไรได้บ้าง?

- ตาบน: แก้ปัญหาหลัก 3 อย่าง ได้แก่ หนังตาเกิน, ไขมันหย่อนคล้อย และกล้ามเนื้อตาหย่อน การผ่าตัดจะช่วยตัดหนังส่วนเกิน, จัดเรียงไขมันใหม่ หรือเย็บกระชับกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยกตา นอกจากนี้ยังมีการทำ Subbrow Lift ที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังตาเกินเพียงอย่างเดียว โดยที่ชั้นตายังดูดีอยู่ รูปตากล้ามเนื้อยังไม่ได้หย่อน และองศาของขนตาไม่ได้หย่อน
- ตาล่าง: แก้ปัญหาถุงไขมันใต้ตาหย่อน, หนังตาเกิน และหางตาตก ศัลยกรรมได้โดยการนำไขมันส่วนเกินออก หรือย้ายไปเติมเต็มบริเวณร่องน้ำตา รวมถึงการดึงหางตา กระชับกล้ามเนื้อที่อยู่หางตา หรือย้ายเอ็นที่ยึดเกาะหางตาไปเยื่อหุ้มกระดูกในตำแหน่งที่สูงขึ้น เพื่อทำให้มุมของตาที่ตกสูงขึ้น
- คิ้ว: เมื่ออายุมากขึ้น volume ของไขมันหน้า กล้ามเนื้อขมับ รวมถึงโครงสร้างกระดูกจะยุบตัวลงทั้งหมด ทำให้เนื้อเยื่อนุ่มดูห้อยลง คิ้วดูตกและห่อลง แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดยกคิ้ว หรือดึงหางคิ้ว โดยเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคน เช่น ถ้าตกด้านข้างอาจจะทำ Lateral Brow Lift แต่ถ้าตกลงมาห่อตรง ๆ ก็จะใช้วิธี Endotine เพื่อยกขึ้นไปตรง ๆ หรือในรายที่วิธี endotine อาจยังไม่ตอบโจทย์ เช่น หน้าผากกว้างเกินไป หน้าผากยังตึงอยู่ การได้ผลของ Endotine อาจจะน้อย กรณีนี้เราอาจจะต้องมาทำ Direct Brow Lift โดยที่แผลจะอยู่ที่ขอบบนของคิ้วพอดี

- หน้าผาก: มีอยู่ 2-3 ปัญหา อย่างเช่น หน้าผากยังไม่ย่น แค่แบนลีบ ก็อาจจะใช้การฉีดฟิลเลอร์หรือไมโครแฟต หรือแม้กระทั่งการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน ซึ่งถ้าเป็นซิลิโคน หมอก็แนะนำในลักษณะของการเสริมซิลิโคนที่ออกแบบเฉพาะบุคคล (Customized Silicone) ที่ต้องไปทำ CT 3 มิติมาก่อน เพราะการใช้ซิลิโคนสำเร็จรูปส่วนใหญ่อาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติ แต่ถ้ามีปัญหาหน้าผากย่นจริง ใช้วิธีดึงหน้าผากได้ โดยส่วนใหญ่จะซ่อนแผลไว้บริเวณไรผม (ยกเว้นคนที่หน้าผากแคบจริง ๆ แผลอาจจะไปอยู่หลังไรผม)

- จมูก: เมื่ออายุมากขึ้น ปลายจมูกอาจมีลักษณะงุ้มลง แก้ไขได้ด้วยการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เพื่อปรับโครงสร้างข้างในเลย ซึ่งอาจจะต้องใช้โครงสร้างทั้งกระดูกหู หรือกระดูกซี่โครง แต่ในผู้สูงอายุหรือคนที่อายุเยอะขึ้น ไม่ควรเสริมให้โด่งเกินไป เพราะจะดูไม่เป็นธรรมชาติ

- การดึงหน้า (Face Lift): การผ่าตัดดึงหน้าเป็นหัตถการที่แก้ไขปัญหาการหย่อนคล้อยของใบหน้าและลำคอได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยสามารถทำได้ในแต่ละส่วนบน, กลาง, ล่าง หรือทำทั้งหมดไปพร้อมกัน (Full Face Lift) เพื่อคืนความกระชับให้กับกรอบหน้าและลำคอที่หย่อนคล้อย ถ้าอายุน้อยหน่อยก็จะเป็นตั้งแต่ส่วนบนเป็นต้นมา Upper Face พออายุเยอะขึ้นอาจจะเป็น Mid Face หรือ Lower Face รวมทั้งสุดท้ายถ้าคอหย่อนแล้ว เราก็จะต้องมาทำ Full Face Lift หรือการดึงคอให้มันไปด้วยกัน แต่แพทย์จะต้องพิจารณาปัญหาและความเหมาะสมเป็นรายบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงใจและปลอดภัยที่สุด
นอกจากนี้ การทำศัลยกรรมดึงหน้ายังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เช่น การฉีดไขมัน (Fat Grafting) นาโนแฟต หรือ PRP เพื่อช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ดีขึ้น หรือทำตาบนตาล่าง หางคิ้วหน้าผากร่วมกันในบางราย หรือการเสริมโครงสร้างกระดูกที่ยุบตัวไป เช่น การเสริมคางหรือโหนกแก้ม เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีมิติมากขึ้น
บทสรุป
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีชะลอวัยด้วยการดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอกอย่างครบวงจร ที่หมอสรุปรวมมาให้แล้ว แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีการดูแลสุขภาพแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเลือกทานอาหาร หรือการทำหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ” หลังจากการทำหัตถการเพื่อชะลอวัยแล้ว อย่าลืมที่จะกลับไปดูแลสุขภาพร่างกายและผิวพรรณอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ได้ไว้ให้นานที่สุด
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “สุขภาพจิต” ที่ผ่องใส คิดดี ทำดี และการทำกิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจสงบ เช่น นั่งสมาธิ ศึกษาธรรมะในศาสนาที่นับถือ จะส่งผลให้พักผ่อนได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยชะลอความแก่ได้อย่างแท้จริง เพราะเมื่อจิตใจผ่องใส ใบหน้าก็จะดูสดใสตามไปด้วย
สุดท้ายนี้ หมอฝากเว็บไซต์ Beauty Med Hub https://beautymedhub.com แพลตฟอร์มรวบรวมสาระความรู้ดี ๆ มากมาย จากคุณหมอศัลยแพทย์ตกแต่งผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน จัดทำทั้งในรูปแบบบทความเจาะลึก และอินโฟกราฟิก อ่านง่าย เข้าใจทุกเรื่องศัลยกรรมเสริมความงามได้ภายในไม่กี่นาที
หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการชะลอวัย หรือหัวข้ออื่น ๆ ที่น่าสนใจ สามารถสอบถามเข้ามาได้ทุกช่องทางของ Bestheticsurgery โดยหมอบี ศัลยกรรมตกแต่ง
แล้วกลับมาเจอกันใหม่ในบทความถัดไปครับ
รับชมคลิป วิธีลดอายุ ดูเด็กลงได้จริง จากสุขภาพ ถึงดึงหน้า
ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน