065-964-6326

วันนี้ก็มาคุยกับเพื่อน ๆ ในเรื่องการฉีดไขมันใบหน้าอีกครั้งหนึ่ง ก็จะมาสรุปนะครับว่า จริง ๆ แล้ว เทคนิคการฉีดไขมันให้ได้ผลดี มีอะไรบ้าง ซึ่งเพื่อน ๆ คงจะได้ยินกันอยู่เยอะเรื่องของการฉีดไขมันในตอนนี้ ว่าเป็นไขมันของตัวเอง ไม่มีอันตราย แต่ว่าจะให้ได้ผลดี แต่ละที่ แต่ละดีเทล มันมีเทคนิครายละเอียดไม่เหมือนกัน ซึ่งเราควรจะต้องรู้ไว้ เพื่อจะเลือกที่ทําได้ถูกต้องนะครับ

ฉีดไขมันหน้า คืออะไร ?

ฉีดไขมันหน้าคืออะไร

ถ้าพูดถึงการฉีดไขมันใบหน้า มันเป็นการเติมเต็มจุดที่เป็นพวกร่อง พวกขาด Volume อย่างเช่น ร่องแก้ม รอยร่องหน้าผาก หรือว่าร่องน้ำหมาก ร่องใต้ตา เป็นต้น สาเหตุของการเกิดร่องพวกนี้ มันคือการขาดไขมันจากอายุที่มากขึ้นนั่นเอง หรือเบบี้แฟตมันหายไปเรื่อย ๆ ก็จะเกิดร่องเหล่านี้ขึ้นมา รวมทั้งบวกกับการ Sagging หรือว่าการหย่อนตัวของเนื้อเยื่อรอบ ๆ อีกส่วนหนึ่ง
แต่การฉีดไขมันหน้ามันก็จะเป็นการเสริมกับหัตถการอื่น อย่างเช่น การที่จะต้องมีการดึงหน้า หรือว่า Facelift ในส่วนต่าง ๆ หรือว่าคนที่ยังไม่ต้องดึงหน้า แต่ว่ามันมีร่องตรงนี้แล้ว เราก็มาเติมเต็มมันได้นะครับ

ข้อดีของการฉีดไขมันหน้า

นอกจากการเติมเต็มแล้ว ไขมันยังมีผลดีในเรื่องของ มันเป็น Natural Filler ถ้าเป็นไขมันจริง ๆ ของเรา มันคงไม่ได้มีอันตรายอะไรกับร่างกาย เพียงแต่ว่าการทําให้ได้ผลดีมันต้องมีเทคนิค นอกจากนี้ มันยังได้เรื่องการผ่องใสของผิวพรรณขึ้นด้วย

6 ประเด็นที่ต้องรู้ ก่อนฉีดไขมันหน้า

ทุกที่พูดแต่การฉีดไขมัน ๆ แต่เราไม่รู้ว่าเขาทํากันยังไง แต่ละที่มันต่างกันยังไง ถึงได้ผลที่มันต่างกัน ก่อนอื่น หมอจะแบ่งเป็นประเด็นเพื่อให้เข้าใจง่าย ดังนี้ครับ

ข้อ 1 การฉีดไขมันต้องใช้ไขมันตนเองเท่านั้น

ประเด็นแรก การฉีดไขมันต้องใช้ไขมันตนเองเท่านั้น ยืมเพื่อนไม่ได้ คือถ้ายืมกันได้ ก็คงมีคนบริจาคได้เยอะนะครับ และคนไข้ชอบมาถามว่า บริจาคให้ใครได้ไหม? อันนี้ไม่ได้นะครับ จะต้องใช้เป็นไขมันตัวเองเท่านั้น มันเป็นการย้ายเซลล์ไปในตัวผู้อื่น ก็จะเกิดการปฏิเสธ เกิดปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันขึ้นได้

ข้อ 2 เทคนิคการทําไมโครแฟต

เทคนิคการทําไมโครแฟต

การทําไมโครแฟตคืออะไร การทําไมโคร หมายถึงว่าทําให้ Particle หรือว่าส่วนประกอบ หรือว่าเซลล์เนี่ยมันเล็กลง โดยทําตั้งแต่เริ่มแรกเลยนะครับ
เริ่มแรกในการดูดไขมันที่จะเอามาใช้ มักจะต้องไม่ใช้พวก Machine หรือพวกที่จะต้องปล่อยพลังงานอะไรออกมา เพื่อทําลายไขมันก่อน อย่างเช่น

  • พลังงานอัลตราซาวด์ ก็คือเครื่อง Vaser
  • พลังงานเลเซอร์ที่เป็นพวก Fiber Optic ที่มาช่วยกระชับผิว หรือกระชับไขมันใต้ผิวหนัง
  • หรือพลังงานต่าง ๆ ในเครื่อง Bodytite ที่จะใช้ Radio Frequency เป็นพลังงาน Radio Frequency ที่จะมาทําลายไขมันก่อนที่จะดูดออกมา

เครื่องเหล่านี้มันจะทําให้เรื่องของการดูดไขมันนั้นได้ผลดีขึ้น แต่ว่าถ้าจะเอามาใช้เพื่อฉีดหรือเติมเต็ม เราอยากได้เซลล์สดมากกว่า
คือเมื่อเทียบกันแล้ว จริง ๆ เขาก็บอกว่าวิธีการเหล่านี้สามารถใช้ได้ แต่ว่าเมื่อเทียบกันแล้ว คุณภาพของไขมันก็น่าจะเป็นเซลล์สดที่ยังไม่ตายมากกว่า ซึ่งมักจะต้องไปใช้ลักษณะของการดูดด้วยมือ หรือว่าเป็น Manual ซึ่งมีแรงติดลบเฉย ๆ ที่ว่าเป็นแรงดูดเฉย ๆ แต่ว่าการดูดจะต้องเป็นการดูดโดยดูดออกมาเลย โดยที่ตัวไขมันยังไม่ได้ถูกทําลายไป ซึ่งเทคนิคก็ต่างกัน

แต่หลักการก็คือว่า หัวดูดไขมันที่จะทําไมโครมันจะต้องเล็ก เล็กกว่าหัวดูดที่ดูดไขมันทั่ว ๆ ไป ซึ่งหัวดูดไขมันทั่วไปอาจจะมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4 มิล หรืออาจจะ 5 มิล แล้วแต่บางที่ แต่ว่าถ้าเราจะเอามาทําไมโคร หัวดูดจะต้องมีขนาดตั้งแต่ 2.4 มิลลิเมตรลงไป คือเล็กกว่า 3 มิลลิเมตร และมักจะเป็นรูพรุนนะครับ หัวดูดจะมีรูพรุนกว่า

วิธีการทําไมโครแฟต

และสิ่งที่เราทํา เรามักจะใช้ Syringe ที่มีความดันลบ เป็นตัวดูดออกมา โดยใช้มือดูดนี่แหละ เพราะว่าไม่ทําลายเนื้อเยื่อรอบ ๆ รวมทั้งไม่ทําลายตัวเซลล์ไขมันด้วย ซึ่ง Syringe ที่เหมาะสมก็แล้วแต่ที่ แต่ว่ามันก็จะมีวิจัยที่รองรับว่า ใช้ Syringe ขนาดเท่าไร ๆ ซึ่งแพทย์จะต้องรู้ ถ้าแพทย์ไม่รู้ ก็อาจจะได้ผลไม่ดี
ในขณะที่ดูดก็จะต้องดูแลเนื้อเยื่อรอบ ๆ ด้วยว่า ดูดไปใช้แล้วไม่บุ๋ม ไม่อะไร เพราะฉะนั้นไขมันที่มีอยู่เนี่ย ไม่ใช่ว่าเราจะต้องใช้ได้ทั้งหมด เราจะต้องคิดเผื่อไว้ด้วยว่าดูดไปใช้เนี่ย ขาคนไข้จะต้องไม่ลีบลง พุงไม่เบี้ยว ขึ้นอยู่ปริมาณที่เราจะใช้ขึ้นมา

ส่วนใหญ่คนไข้มักจะบอกว่าเรามีไขมันเยอะ จริง ๆ แล้วอาจจะต้องมาประเมินว่าสิ่งที่เราบีบนั้นอาจจะไม่ใช่ไขมัน (โดยเฉพาะในผู้หญิง) ในผู้หญิงนั้น ตัวกล้ามเนื้อที่อยู่รอบกระดูกเอง ก็อาจจะมีความนิ่มได้คล้าย ๆ ไขมันเหมือนกัน จริง ๆ อาจจะเป็นคนผอม แต่ว่าเนื้อไขมันมีไม่เยอะ เพราะฉะนั้นจะต้องมาตรวจประเมินก่อน สิ่งที่เราเข้าใจว่าเรามีเยอะ จริง ๆ เราอาจจะไม่ค่อยมีก็ได้ หรือว่าถ้าเรามีไม่พอ ถึงขนาดที่จะต้องเผื่อไว้เพื่อไม่ให้มันเกิดความบิดเบี้ยวบุ๋มไป มันก็อาจจะใช้ได้ไม่เต็มที่นั่นเอง

ตัดเซลล์ให้ถึงระดับไมโคร

หลังจากนั้น เมื่อเราดูดออกมา ก็จะต้องมีการนําไป Centrifuge หรือปั่นแยกเซลล์ กรองเซลล์สิ่งต่าง ๆ พวกเนื้อเยื่อเสีย หรือว่าเลือด หรือว่าเซลล์แตกอะไรพวกนี้ พังผืดอะไรพวกนี้ เอาออกก่อนนะครับ

จากนั้นถึงจะเอาเพียวแฟตที่เราได้ จาก 2.4 มิลลิเมตร เราเอามาตัดเซลล์ให้ถึงระดับไมโครอีก ซึ่งลักษณะหัวตัดอาจจะเป็นลักษณะของ Mechanical ต่าง ๆ เข้ามา ซึ่งต้องมีอุปกรณ์พิเศษอีกนะครับ ตัดทอนเซลล์ลงไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับไมโคร ลักษณะมันก็จะเริ่มเนียนคล้ายเป็นฟิลเลอร์ เป็น Natural Filler เลย เพราะว่าฉีดออกมาก็จะเนียน ไม่เป็นก้อนแล้วนะครับ มันจะทําให้เราฉีดได้ไม่เป็นก้อน และฉีดได้เรียบเหมือนฟิลเลอร์นั่นเอง
ไม่ใช่ว่าเอาออกมาแล้วก็ฉีดได้เลย มันก็จะทําให้เกิดเป็นตะปุ่มตะป่ำ หรือคลําได้ หรือเป็นก้อน เป็นถุง ถ้าใครเคยมีประสบการณ์ที่ฉีดแล้วเป็นลักษณะนั้น ก็อาจจะยังไม่ได้ทําไมโครนั่นเอง

ข้อ 3 การทำนาโนแฟต

ถ้าพูดถึงไมโคร ถ้าเป็นคําทั่วไปทางวิทยาศาสตร์ ไมโครคือ 10 กําลัง -6 นาโนก็ต้องเหลือ 10 กําลัง -9 หรือลงไปเรื่อย ๆ การทํานาโนแฟต พอเราตัดเป็น Particle ที่เป็นลักษณะของไมโครแล้ว ซึ่งอาจจะไม่เกิน 1.1 มิลลิเมตร ไม่ย่อยลงไปกว่านั้น แต่ว่าถ้าเป็นไมครอน ก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 600 ไมครอน แต่ว่าถ้าเป็นนาโนแฟต เราจะมีอุปกรณ์ที่ตัดเซลล์ให้ละเอียดลงไปอีก ส่วนนี้ถ้าเราตัดเป็นนาโนแฟต เราจะใช้ลักษณะของ Volume ไม่ได้แล้ว คือเอามาฉีดมันจะไม่เติมเต็มแล้ว มันจะเป็นเซลล์ที่มันแตกไปหมด

สิ่งที่เราใช้ประโยชน์จากนาโนแฟตจะไม่ใช่เรื่องของ Volume แต่เราจะใช้เรื่องของเซลล์ที่อยู่ในแฟต หรือว่าพวกเซลล์ต้นกําเนิด หรือว่าอะไรพวกนี้ที่อยู่ในแฟต เซลล์ต้นกําเนิดในแฟต เมื่อเทียบกับเซลล์เม็ดเลือดในปริมาณที่เท่ากันในแฟต ความชุกมันเยอะกว่าด้วย
สิ่งที่เราใช้จากนาโนแฟตก็คือว่าเมื่อเราได้เซลล์เหล่านี้ เซลล์แฟตมันแตกไปหมดแล้ว เราเอาเซลล์ด้านในที่เป็นประโยชน์ จะเป็นเซลล์ต้นกำเนิดอะไรก็ตาม มาผสมในไขมันที่เราจะฉีด มันก็จะทําให้ไขมันที่เราจะฉีดอุดมไปด้วยเซลล์ต้นกำเนิดของแฟตเอง หรือไขมันเอง ก็จะทําให้อัตราการคงอยู่ของไขมันดีขึ้น
เราจะแบ่งไขมันส่วนหนึ่งเอาไปทํานาโนแฟต เพื่อสกัดเซลล์เหล่านี้ออกมา มันจะต้องมีวิธีอีก นอกจากตัดเซลล์ ต้องไปปั่นด้วยความเร็วเฉพาะ ซึ่งอิงกับงานวิจัยว่าปั่นเท่าไร ความเร็วเท่าไร ซึ่งแพทย์หรือสถาบันนั้น ๆ ก็จะต้องรู้ เพื่อให้ตกตะกอนได้ในปริมาณเซลล์ที่มากที่สุดจริง ๆ และเอามาผสมกับไขมันที่ฉีด ก็จะทําให้ได้ไขมันที่มีเซลล์ต้นกําเนิดของไขมันเยอะขึ้น

การทำนาโนแฟต

หรือในนาโนแฟต ถ้าเราเอา Fluid ของเขามาทําเป็นพวก Rejuvenation ที่เอามาฉีด ภายหลังจากที่เราฉีดเติมเต็มแล้ว ฉีดผิวนะครับ มันก็จะได้เรื่องของ Rejuvenation ก็คือผิวพรรณสดใสขึ้น เปล่งปลั่งขึ้น และอาจจะมีผลเรื่องของการลดฝ้า ลด Pigment เซลล์ของผิว ให้ผิวมันใสขึ้นได้ด้วยนั่นเอง อันนี้คือประโยชน์
เพราะฉะนั้นเราจะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะครับ การทําไมโครแฟตเพื่อเติมเต็ม และการทํานาโนแฟต ถ้าปริมาณไขมันเพียงพอ แล้วเราเอามาใช้ประโยชน์ได้

ข้อ 4 เทคนิคและการดีไซน์ในการเติมไขมัน

อันนี้ก็จะเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงของแพทย์แต่ละท่านด้วย เพราะมันคือการออกแบบว่าจะฉีดตรงไหน ฉีดบริเวณไหนของหน้า ฉีดเท่าไร มากไป น้อยไปก็ไม่ได้อีก มันต้องฉีดให้พอดี ๆ ซึ่งเข็มที่ฉีดเองก็จะต้องเป็นเข็มที่เล็กพอควร เล็กเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ และต้องเป็นเข็มหัว Blunt หรือหัวทู่ที่มันไม่มีความแหลม ไม่ไปทําลายเส้นเลือด หรือว่าให้มันฉีดได้ละเอียดขึ้น

การดีไซน์ในการเติมไขมัน

และเทคนิคการฉีดตรงไหน ระดับความลึกเท่าไร แต่ละส่วนของหน้ามันไม่เหมือนกัน หน้าผากส่วนบน เราอาจจะฉีดได้ลึกหน่อย ตั้งแต่เยื่อหุ้มกระดูก กล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง แต่ว่าถ้าลงมาใกล้ ๆ คิ้ว เส้นประสาท เส้นเลือดมันอยู่ มันมีจุดที่ออกมาก็จะอยู่ชั้นลึก เพราะนั้นเราก็ไม่ฉีดชั้นลึกละ อันนี้ทุกคนต้องรู้ แพทย์ที่จะต้องฉีดจะต้องรู้ ส่วนใต้ตา เราอาจจะต้องฉีดชั้นลึก เพื่อไม่ให้มันเป็นก้อนหรือตะปุ่มตะป่ำที่เราคลำได้ เป็นต้น
แต่ละส่วน แต่ละที่ มันมีความต่างกัน อันนี้คือเริ่มจากดีไซน์ก่อนนะว่าจะฉีดอะไรตรงไหน แต่งอะไรตรงไหน ตรงไหนฉีด ตรงไหนไม่ฉีด อันนี้เป็นการออกแบบ ก็จะเป็นเรื่องของเฉพาะคน เฉพาะแพทย์ด้วย แล้วก็ดูรูปหน้าของคนไข้เป็นหลัก เพราะฉะนั้นการออกแบบก็สําคัญ เหมือน Interior เหมือนสถาปนิกที่จะออกแบบบ้าน ถ้าออกแบบบ้านไว้ไม่สวย สร้างมาตามแบบมันก็ไม่สวย

ข้อ 5 เทคนิคการฉีดไขมันหน้า

ขณะฉีดมือต้องนิ่งด้วย เพราะฉะนั้นการฉีดแต่ละครั้งที่ออกไปมันจะต้องออกเป็นเส้นเล็ก ๆ เหมือนเวลาเราทอผ้าให้เป็นด้าย มันทอทับกันเรื่อย ๆ เป็นหลายร้อยหลายพันสโตรกหรือครั้ง ซึ่ง Particle ที่เราฉีดอาจจะต้องใช้ Syringe เล็กลงมาอีก อาจจะใช้ Syringe 1 cc เลย และการฉีดครั้งหนึ่งจะต้องต่ำกว่า 1/60 1/100 หรือ 1/200 cc ลงไป เพื่อให้ได้ Volume ที่ฉีดออกมาเป็นเส้นเล็ก ๆ เล็กจริง ๆ เหมือนด้าย

เทคนิควิธีการฉีดไขมันหน้าเด็ก

และเวลาฉีด เราจะต้องขยับมือตลอด เพื่อไม่ให้ฉีดแล้วเป็นก้อน ไม่ใช่ว่าได้เท่าไรมาก็ฉีดเป็นก้อน ข้างในก็ตายหมดครับ เพราะว่ามันไม่มีเส้นเลือดมาหุ้มรอบ เราต้องฉีดให้เนื้อไขมันสัมผัสกับเนื้อเยื่อรอบที่มีเส้นเลือดอยู่แล้วมากที่สุด ถึงจะทําให้เกิดอัตราการคงอยู่ของไขมันนั้นดีที่สุดนั่นเอง
เพราะฉะนั้นบางคนเขาก็อาจจะต้องมีอุปกรณ์ช่วย เช่น ปืนฉีดลักษณะต่าง ๆ ถ้าคิดว่าตัวเองมือไม่ละเอียดพอ หรือมือไม่นิ่งพอ แต่ถ้าคนที่ใช้มือจนชินในลักษณะของ Hand Skill และมันได้แล้ว เขาก็อาจจะไม่จําเป็นต้องใช้ปืนนั่นเอง ซึ่งบางคนก็อาจจะเอาปืนมาโฆษณา อาจจะเป็น Value Added อะไรเข้าไปก็ได้ แต่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์แต่ละคน
แต่ว่าถ้าฉีดได้ถูกต้อง ก็คือว่าจะต้องฉีดเป็น Streak เล็ก ๆ แล้วก็จะต้องค่อย ๆ ทอขึ้นมา ไม่ใช่ฉีดเป็นก้อนกลม ๆ หรือเป็น Volume เข้าไปโดยตรงอย่างนั้น

ข้อ 6 การดูแลหลังผ่าตัด

เวลาเราฉีดจะไม่มีแผลผ่าตัด แต่เราก็สามารถทําความสะอาดได้ตามปกติ เพราะว่ามันไม่มีแผลนั่นเอง โดนน้ำได้นะครับที่หน้า แต่ว่าทามอยเจอร์ไรเซอร์มากกว่าปกติหน่อย
นวดเบา ๆ ได้ แต่ว่าไม่ประคบเย็นในบริเวณที่ฉีดไขมัน เพราะเราต้องการเส้นเลือดให้มาเลี้ยงเซลล์ไขมันที่เราฉีดเข้าไป เพราะฉะนั้นการประคบเย็นจะทําให้เส้นเลือดหดตัว เลือดที่มาเลี้ยงตรงนั้นก็จะน้อยลง
และเราก็จะต้องรอดูผลส่วนนี้อยู่ประมาณ 3-6 เดือนว่ามันอยู่แค่ไหน โดยเฉพาะช่วงแรก 1-3 เดือน เราก็อาจจะประเมินได้แล้วว่า ไขมันจะอยู่ประมาณสักกี่เปอร์เซ็นต์

ไม่ประคบเย็นในบริเวณที่ฉีดไขมัน

Area ที่ฉีดใหญ่ ๆ อย่างเช่น หน้าผาก หรือว่าอาจจะเป็นการฉีดเสริมแก้มเลย ซึ่ง Volume มันเยอะหน่อย หรือขมับเนี่ย เปอร์เซ็นต์ที่มันจะ Loss ไป ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วอาจจะเยอะกว่า Area เล็ก ๆ อย่างเช่น ใต้ตาหรือร่องแก้ม ซึ่งส่วนนี้เราใช้ Volume ไม่เยอะ อาจจะประมาณ 1.5-2 cc หรือไม่เกิน 3 cc ในแต่ละจุดนะครับ อันนี้รวมแล้วนะครับ จากที่เราฉีดเป็น Streak ทีละ 1/100, 1/200 cc เปอร์เซ็นต์ที่จะ Loss ก็น้อยกว่า
แถวนี้ก็มักจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อง Loss ไปเท่าไร ใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก แต่ว่าถ้าเป็นหน้าผาก หรือ Area ที่กว้าง ๆ โดยเฉพาะถ้าพูดถึงการฉีดหน้าอก ในบางรายก็อาจจะมีเปอร์เซ็นต์ที่มัน Loss ได้ค่อนข้างเยอะ
เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ก็จะต้องมาดูแลแผล ดูแลความสะอาดทั่วไป แล้วก็มาดูสุขภาพเฉพาะตัวของคนไข้แต่ละคน แล้วก็มาตรวจตามนัดนั่นเอง

ดังนั้น จะเห็นว่ารายละเอียดแต่ละขั้นตอนมันเยอะ และไม่ใช่แค่พูดว่ามาฉีด แล้วก็จะฉีดได้ทุกคน มันก็ง่ายเกินไป เพราะฉะนั้นก็ต้องใช้แพทย์เฉพาะทาง อะไรที่คิดว่าง่าย มันก็ไม่มีอะไรง่าย ๆ อย่างที่เราได้ฟังกันมาครับ

การจะได้ผลดีมันมีวิชาของมันทั้งนั้นนะครับ และเราเองก็ควรจะรู้ว่าแพทย์ที่เราจะไปทำ เขาเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญอะไรบ้าง จะได้เลือกทํากับสถาบันหรือแพทย์ที่ถูกต้อง อันนี้ก็เป็นข้อมูลที่คุณหมอให้ไว้ เพื่อให้เรามีความรู้ ก็จะได้พิจารณาได้ว่าสิ่งที่เราจะทํามันเหมาะกับตัวเอง และจะได้ผลดีกับตัวเองด้วยวิธีไหนบ้าง

รับชมคลิป เจาะลึกฉีดไขมันหน้า ฉบับสมบูรณ์ ครบทุกประเด็นต้องรู้ เพื่อฉีดไขมันให้ได้ผลดี

ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน