065-964-6326

สวัสดีครับ ผมนายแพทย์ฉัตรพงษ์ ศาสตรสาธิต (หมอบี) สมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย วันนี้หมอจะมาอัปเดตและไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเทรนด์ Deep Plane Facelift หรือ การดึงหน้าชั้นลึก ที่ปัจจุบันทุกคนพูดถึงกันเยอะมาก แต่ยังไม่มีใครอธิบายรายละเอียดอย่างชัดเจน ว่าการผ่าตัดนี้เขาทำอะไรกันบ้าง

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “ดึงหน้าชั้นลึก” แต่ยังสงสัยว่า… มันต่างจากการดึงหน้าทั่วไปยังไง? ชั้นลึกที่ว่าคือชั้นไหนกันแน่? หมอจะมาอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด แบบเข้าใจง่าย ๆ ตั้งแต่เรื่องของ ชั้น SMAS เทคนิค Deep Neck จนถึงแนวคิด Tailor SMAS ที่ช่วยยกทั้งใบหน้าและลำคอให้ดูเป็นธรรมชาติและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

Deep Plane Facelift คืออะไร

Deep Plane Facelift หรือ การดึงหน้าชั้นลึก คือเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าที่ได้รับการยอมรับในวงการศัลยกรรมตกแต่งทั่วโลก และเป็นเทรนด์ที่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในปี 2025 ด้วยผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่ดึงจนตึง และให้ความอ่อนเยาว์อย่างลึกถึงโครงสร้างภายในผิวหน้า

สิ่งที่ทำให้เทคนิคนี้ยาก คือบริเวณนี้อยู่ใกล้กับชั้นเส้นประสาทสำคัญ แพทย์จึงต้องระวังไม่ให้โดนเส้นประสาท โดยทั่วไป ระนาบนี้จะไม่มีเส้นเลือดใหญ่ ดังนั้นถ้าใครเลาะแล้วเลือดออกมากผิดปกติ แสดงว่า “ผิดชั้น” แพทย์ที่ชำนาญจะรู้ตำแหน่งของเส้นประสาทอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องทดสอบกระตุ้นดูเส้นประสาท แต่สำหรับแพทย์มือใหม่อาจใช้เพื่อตรวจเช็กระหว่างผ่าตัดได้

SMAS คือชั้นไหน?

คำว่า “ชั้นลึก” ในการดึงหน้า หมายถึงการลงไปถึงชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นระบบของแผงกล้ามเนื้อชั้นบนสุดที่อยู่ใต้ผิวหนัง เป็นชั้นตื้น หรือชั้นผิว ๆ ที่เชื่อมต่อกันทั่วใบหน้าและลำคอ เป็นชั้นกล้ามเนื้อที่ใช้แสดงสีหน้า กล้ามเนื้อวงรอบตา วงรอบปาก เช่น การจือปาก การเม้มปาก หรือการหลับตา

ชั้น SMAS จะเริ่มมีตั้งแต่รอบดวงตาลงมา ตั้งแต่ใต้โหนกแก้มลงมาจนถึงแผงคอทั้งหมด (ซึ่งจริง ๆ มีตั้งแต่รอบดวงตา แต่เราจะไม่ไปยุ่งกับกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่ใช้ในการหลับตา เพราะอาจจะทำให้รูปตาเปลี่ยนจนดูผิดปกติเกินไป)

ดึงหน้าชั้นลึก Deep Plane Facelift คืออะไร ชั้น SMAS คือชั้นไหน

ขั้นตอนการดึงหน้าชั้นลึก Deep Plane Facelift

1. ออกแบบและกำหนดผิวหนังส่วนเกิน

ศัลยแพทย์จะเริ่มจากการออกแบบแนวแผล ประเมินและเลาะผิวหนังเฉพาะส่วนที่เกินออก เพื่อดูว่าจะต้องเลาะผิวหนังแค่ไหน เพื่อให้ผิวตึงกระชับอย่างพอดี ไม่ตึงจนเกินไป

2. เลาะเข้าใต้ชั้น SMAS ทั้งแผง

การผ่าตัดจะเลาะตั้งแต่ใต้โหนกแก้มลงมาถึงแผงคอ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความซับซ้อนสูง เพราะใกล้เส้นประสาทสำคัญของใบหน้า การเลาะในระนาบนี้ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้ผ่าตัด นอกจากนี้ จะมีเยื่อเอ็นยึดกับชั้นเยื่อหุ้มกระดูกด้วย ซึ่งต้องเลาะให้หลุดใหญ่ ๆ มีสองตำแหน่ง คือ กระดูกโหนกแก้ม และ กระดูกกรามมุมล่าง ตรงนี้ยากขึ้นอีกเพราะอาจเป็นจุดให้เผลอลึกลงไปโดนเส้นประสาท

3. ยกและออกแบบทิศทางการยก

หลังจากเลาะ SMAS ทั้งแผงแล้ว ศัลยแพทย์จะใช้เทคนิคที่เรียกว่า Tailor SMAS หรือการ “ออกแบบเฉพาะบุคคล” เพื่อกำหนดทิศทางการยกที่เหมาะสมกับแต่ละใบหน้า (ขั้นตอนนี้สำคัญ แพทย์แต่ละท่านจะทำไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องของเทคนิคและการดีไซน์เฉพาะตัว)

สิ่งสำคัญของการดึงหน้าชั้นลึกคือ

  • ต้องเลาะในระดับที่ลึกพอ เพื่อยกทั้งระบบ SMAS ได้จริง
  • ต้องอาศัยความชำนาญและต้องเข้าใจกายวิภาคของใบหน้า เพราะบริเวณนี้มีเส้นประสาทหลักอยู่จำนวนมาก
  • หากเลาะผิดชั้น อาจมีเลือดออกมาก หรือกระทบต่อเส้นประสาทได้

ดึงหน้าชั้นลึก Deep Plane Facelift กับ Deep Neck Lift

แนวทางการเสริมผลลัพธ์ให้ยกกระชับยิ่งขึ้น

ในบางราย แพทย์อาจใช้เทคนิคเสริม เพื่อช่วยให้ใบหน้าและลำคอดูยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องดึงผิวหนังจนตึง เช่น

  • Platysmoplasty : การเย็บกล้ามเนื้อคอ Platysma เข้าหากัน เพื่อลดเหนียงและความหย่อนของคอ
  • Buccal Fat : การเจาะแล้วยกขึ้น ย้ายไขมันกระพุ้งแก้มไปเย็บขึ้นในแนว 45 องศา เพื่อพยุงเนื้อเยื่อส่วนลึกให้เต่งตึงมากขึ้น
  • ดูดไขมันใต้คาง : และเกลี่ยให้เรียบเนียน เพื่อเสริมความคมชัดของแนวกรอบหน้า

Deep Plane Facelift กับการยกกระชับคอ (Deep Neck Lift)

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงหรือคอหย่อนมาก อาจต้องทำร่วมกับ Platysmoplasty หรือการเย็บกระชับกล้ามเนื้อแผงคอ Platysma (ชั้น SMAS ของคอ) โดยเปิดแผลเล็ก ๆ ใต้คาง เพื่อเย็บขอบกล้ามเนื้อแผงคอเข้าหากัน และบางกรณีอาจต้องตัดไขมันบางส่วนที่อยู่ใต้กล้ามเนื้อ หรือ ตัดต่อมน้ำลายใต้ลิ้นบางส่วนออก แต่จะทำเฉพาะในรายที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อสร้างมุมคอที่คมชัดมากขึ้น เพราะต่อมน้ำลายเวลาเราตัดออกบางส่วน อาจมีเลือดออกมากขึ้น หรือ อาจรู้สึกปากแห้งลงบ้างในช่วงแรกได้ โดยเราจะไม่ได้เอาออกเสียทั้งหมดให้เสียหน้าที่ไป เทคนิคนี้ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะบริเวณคอมีเส้นเลือดและเส้นประสาทสำคัญจำนวนมาก

ดึงหน้าชั้นลึก Deep Plane Facelift

สิ่งที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Deep Plane Facelift

Deep Plane Facelift ไม่ใช่เรื่องใหม่! หลายคนจะเข้าใจว่า Deep Plane เป็นเทคนิคใหม่ จริง ๆ มันมีมานานแล้วครับ ศัลยแพทย์ทั่วโลกทำกันมานานกว่า 30 ปีแล้ว เพราะว่าแม้กระทั่งสมัยผมเรียน อาจารย์ผมก็ทำแล้วระดับนี้ (ผมจบศัลยกรรมตกแต่งมา 20 กว่าปีแล้ว) Deep ใต้ SMAS นี่ก็ดึงกันทั้งแผง ทำมากันตั้งนานแล้ว เพียงแต่ในช่วงหลังถูกพูดถึงมากขึ้นเพราะผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และเทคนิคของแพทย์ยุคใหม่สามารถทำได้แม่นยำและปลอดภัยกว่าเดิมมาก

อีกประเด็นที่อยากพูดถึงคือ “ระยะเวลาผ่าตัดไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็น Deep Plane หรือไม่” เพราะศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญสามารถทำได้ภายใน 2-3 ชั่วโมงอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ อย่างตัวหมอเองทำ Deep Plane Facelift นี่ก็อยู่ประมาณ 3 – 3.5 ชั่วโมง อันนี้ทำคนเดียว ไม่มีคนช่วยด้วยนะ 

จุดสำคัญอยู่ที่ “ความชำนาญ การเข้าใจกายวิภาค และการออกแบบของแพทย์แต่ละคน” ดังนั้น ควรฟังข้อมูลจากหลายแหล่งที่เชื่อถือได้ และเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติที่สุด

หมอฝากทิ้งท้าย

อันนี้หมอมาเล่าให้ฟังเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น แต่ถ้าใครอยากฟังหมอเล่าแบบละเอียด ๆ ว่าหมอบีมีเทคนิคและแนวทางในการทำ Deep Plane Facelift อย่างไร  วิเคราะห์คนไข้แต่ละรายแบบไหน แนะนำให้ดูคลิปด้านล่างนี้นะครับ จะได้เข้าใจและเห็นภาพชัดขึ้น หมออธิบายไว้หลายอย่าง เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของเพื่อน ๆ ที่กำลังสนใจดึงหน้าชั้นลึกด้วยวิธีนี้

ถ้าใครอ่านจบแล้ว หรือดูคลิปหมอจบแล้วมีคำถามอะไร หรือถ้าหมออธิบายแล้วมันดูซับซ้อนเกินไป สามารถสอบถามเข้ามาได้ทุกช่องทางของ Bestheticsurgery โดยหมอบี ศัลยกรรมตกแต่ง หมอก็จะพยายามตอบให้ ฝากกดติดตามหมอไว้ทุกช่องทาง แล้วก็โอกาสหน้ามีเรื่องอะไรน่าสนใจ หมอก็จะมาแชร์ให้เพื่อน ๆ อีกนะครับ

สุดท้ายนี้ หมอฝากเว็บไซต์ Beauty Med Hub https://beautymedhub.com แพลตฟอร์มรวบรวมสาระความรู้ดี ๆ มากมาย จากคุณหมอศัลยแพทย์ตกแต่งผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน จัดทำทั้งในรูปแบบบทความเจาะลึก และอินโฟกราฟิก อ่านง่าย เข้าใจทุกเรื่องศัลยกรรมเสริมความงามได้ภายในไม่กี่นาที

 

รับชมคลิป อัปเดตเทรนด์ดึงหน้าชั้นลึก Deep Plane Facelift 2025

 

 

ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน