วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง “การทำศัลยกรรมเพื่อแก้ปัญหารอบดวงตาและใบหน้าส่วนบน” หลายคนยังสับสนว่า ดึงหางคิ้ว ดึงหางตา ดึงขมับ ดึงหน้าผาก แต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างไร และใครควรทำแบบไหน? วันนี้หมอจะมาอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด
ก่อนอื่น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจปัญหาของตัวเองก่อน ว่าต้องการแก้ไขจุดไหน แล้วค่อยมาดูว่าวิธีไหนที่จะตอบโจทย์ หรือว่าสามารถทําได้ ดังนั้น เวลาคนไข้มาปรึกษา หมอจะแนะนำให้ลองสำรวจตัวเองหน้ากระจกก่อนว่า “ต้องการปรับเปลี่ยนส่วนไหนบนใบหน้ามากที่สุด” เมื่อรู้แล้วว่าปัญหาคืออะไร เราก็จะมาดูกันว่าวิธีไหนที่จะตอบโจทย์และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่คนไข้ต้องการได้ดีที่สุด
1. ดึงคิ้ว (Brow Lift)
วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาเปลือกคิ้วตก หรืออยู่ในตําแหน่งที่ดูแล้วทําให้เราดูแก่ขึ้น หรือว่าอิดโรยขึ้น ซึ่งตำแหน่งที่คิ้วตกนั้นมีความสำคัญมาก เพราะคิ้วของเรามีทั้งส่วน หัวคิ้ว กลางคิ้ว หางคิ้ว รวมถึงส่วนโค้งก่อนที่คิ้วจะทิ้งตัวเป็นหางที่เรียกว่า Arch ของคิ้ว หรือ มุมสามเหลี่ยม การแก้ไขคิ้วตกจึงต้องเป็นการยกคิ้วให้สูงขึ้น เพื่อให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับวัย
เมื่อคนไข้มาปรึกษาแพทย์ และเราได้ข้อสรุปถึงตำแหน่งที่คิ้วหย่อนคล้อยแล้ว เราก็จะมาพิจารณาถึงหัตถการที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขส่วนต่าง ๆ ของคิ้วกันต่อไปครับ
1.1 Lateral Brow Lift

Lateral Brow Lift คือการผ่าตัดยกส่วนหางคิ้วที่หย่อนคล้อยให้ยกขึ้น โดยคำว่า “Lateral” หมายถึงส่วนหาง ส่วนปลาย หรือส่วนด้านข้าง การผ่าตัดนี้จะช่วยยกกรอบตาด้านข้างขึ้นไปพร้อมกับหางคิ้ว โดยแผลจะซ่อนอยู่บริเวณไรผม และเข้ามาชั้นใต้ผิวหนัง ชั้นใต้ไขมัน เพื่อยกกรอบของหางคิ้วขึ้นไปได้ มักทำร่วมกับการผ่าตัดแก้ไขปัญหาหนังตาตกด้วย ซึ่งมักจะทําคู่กับการผ่าตัดแก้ไขหนังตาบน (Upper Blepharoplasty) ไปพร้อมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นครับ
1.2 Direct Brow Lift

Direct Brow Lift คือการผ่าตัดยกคิ้วขึ้นในแนวตรง โดยมีแผลผ่าตัดอยู่ที่ขอบด้านบนของคิ้ว ณ จุดที่คิ้วตก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหัวคิ้ว กลางคิ้ว (ตรงโค้งคิ้ว) หรือหางคิ้ว โดยส่วนใหญ่มักทำที่บริเวณกลางหรือหางคิ้ว การผ่าตัดวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากกว้าง ไรผมสูง หรือผู้ชายที่ผมสั้น/ศีรษะล้าน ซึ่งไม่สามารถซ่อนแผลในไรผมได้เหมือนการทำ Lateral Brow Lift
ข้อดีของ Direct Brow Lift คือให้ผลลัพธ์การยกคิ้วที่แน่นอนและตรงจุด เนื่องจากเป็นการดึงโดยตรงที่ขอบคิ้ว แต่ข้อเสียที่สำคัญคือตำแหน่งแผลที่อยู่ขอบบนของคิ้ว ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความหนาของผิวหนังมากกว่าใต้คิ้ว จึงมีโอกาสเกิดแผลเป็นได้มากกว่า Sub Brow Lift (หมออธิบายเพิ่มเติมไว้ในข้อ 1.4)
แพทย์จะพยายามจำกัดขนาดแผลให้สั้นที่สุด เพื่อแก้ไขเฉพาะจุดที่คิ้วตก และหลีกเลี่ยงการกรีดแผลยาวตลอดแนวคิ้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหัวคิ้ว เพราะบริเวณด้านในหรือหัวคิ้วเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นได้ง่ายกว่าตรงกลาง หรือด้านข้าง หรือตรง Arch ของคิ้ว
การออกแบบการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คิ้วตก โดยแพทย์จะกรีดแผลตามแนวขอบคิ้วที่ต้องการยก และอาจมีการเลาะไปใต้คิ้วเล็กน้อยเพื่อช่วยในการย้ายตำแหน่งคิ้วให้สูงขึ้นได้จริง แม้ว่าการผ่าตัดวิธีนี้จะช่วยยกคิ้วขึ้นได้ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องแผลเป็น ดังนั้นแพทย์จะพยายามจำกัดขนาดแผลให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือข้อจำกัดหลักของ Direct Brow Lift
1.3 Endotine
Endotine เป็นการยกคิ้ว ไม่ใช่ยกหน้าผาก เป็นหัตถการที่ต้องทำด้วยการผ่าตัดส่องกล้อง เป็นการย้ายเนื้อเยื่อชั้นลึก ชั้นชิดเหนือเยื่อหุ้มกระดูก หรือใต้เยื่อหุ้มกระดูก ซึ่งอาจจะยืดได้ไม่มากเหมือนผิวหนัง แล้วยืดขึ้น และใช้หมุดไหมละลายยึดไว้ โดยซ่อนหมุดไว้ในผมเพราะมันจะมีความปูดอยู่ด้วย ซึ่งถ้ามาอยู่ที่ผิวหนังจะมองเห็น หมุดจะปูดอยู่หลายเดือน หรือเกือบปี
หัตถการนี้เหมาะกับคนที่คิ้วตก แต่หน้าผากแคบ ไรผมด้านบนไม่ไกลหรือล้านมากนัก ส่วนคนที่ไม่มีผมหรือสกินเฮดก็อาจจะทำไม่ได้
จุดประสงค์หลักคือยกตำแหน่งคิ้วขึ้นในแนวตั้ง ผลพลอยได้คือหน้าผากอาจดูตึงขึ้น ถ้าหน้าผากไม่ได้ย่นมากนัก แต่ไม่ใช่การดึงหน้าผากโดยตรง ข้อเสียคือค่าใช้จ่ายสูง และผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของแต่ละบุคคลด้วย ถ้าหน้าผากแคบ โอกาสที่จะได้ผลค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าหน้าผากกว้างหรือไกล แนวดึงก็จะไม่ใช่แนวอย่างนี้แล้ว เริ่มต้องไปข้างหลังด้วย อันนั้นจะได้ผลน้อยลงนะครับ
1.4 Sub Brow Lift

Sub Brow Lift คือหัตถการที่เน้นการยกหนังตาเป็นหลัก ไม่ใช่การยกคิ้วโดยตรงอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด ก็คือยกหนังตาที่อยู่ใต้คิ้ว Sub Brow การผ่าตัดวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังตาตกลงมาบังชั้นตา แต่ชั้นตาดีอยู่แล้ว ขนตาไม่ได้ตก วิธีนี้จะช่วยให้ดวงตาดูเปิดกว้างขึ้น
ในระหว่างการทำ Sub Brow Lift นั้น แพทย์อาจจะมีการ “แอบยก” หางคิ้วขึ้นเล็กน้อย โดยการเข้าไปใต้ตำแหน่งหางคิ้วและเย็บตรึงกับเยื่อหุ้มกระดูกให้สูงขึ้นก่อนที่จะดึงหนังตายกขึ้น ผลลัพธ์คือจะได้หางคิ้วที่ยกขึ้นไปหน่อย ๆ ถือเป็นผลพลอยได้เท่านั้น ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของการผ่าตัด
-
- ถ้าปัญหาหลักคือหนังตาตก ทางเลือกที่เหมาะสมคือ Sub Brow Lift
- แต่ถ้าปัญหาคือคิ้วตกอย่างเดียว โดยที่หนังตาไม่ได้ตก กรณีนี้อาจต้องพิจารณาทำ Direct Brow Lift ซึ่งเป็นแผลอยู่บริเวณเหนือคิ้วแทน (เพราะการทำ Sub Brow Lift อาจไม่ช่วยแก้)
การทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของแต่ละหัตถการจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเลือกวิธีการแก้ไขที่ตรงกับปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของเราได้อย่างแท้จริง
2. ดึงหน้าผาก (Forehead Lift)

หัตถการนี้ใช้ในผู้ที่มีหน้าผากย่นอย่างชัดเจน หนังนิ่ม และไรผมไม่ไกลเกินไป แผลจะอยู่ที่ไรผม หรือเหนือไรผมเล็กน้อยเพื่อซ่อนแผล ในกรณีที่แผลอยู่เหนือไรผม อาจมีการตัดเนื้อเยื่อส่วนที่ต่ำกว่าแผลออก ซึ่งอาจทำให้หน้าผากดูกว้างขึ้นได้ ดังนั้นในปัจจุบันจึงมักจะทำแผลให้ชิดกับแนวไรผม เพื่อให้หน้าผากดูตึงขึ้นและลดระยะห่างระหว่างไรผมกับหน้าผากให้แคบลงด้วย
การผ่าตัดดึงหน้าผากจะมีการยกชั้นผิวหนังและลึกลงไปถึงชั้นเนื้อเยื่อใกล้กรอบตา เพื่อหลบเลี่ยงเส้นประสาท วิธีนี้ช่วยให้สามารถยืดหนังหน้าผากได้ค่อนข้างตรงและมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำ Endotine โดยที่ไม่มีการตัดระยะหนัง เพราะฉะนั้นถ้ามีหนังส่วนเกินหรือรอยย่นชัดเจน อันนี้อาจทําถึงหน้าผากได้ ซ่อนแผลตรงไรผมได้
ข้อเสียของการดึงหน้าผากคือ อาจเกิดอาการชาบริเวณหลังแผล ซึ่งเกิดจากการกระทบกระเทือนของเส้นประสาทที่ขึ้นมาเลี้ยงบริเวณดังกล่าว อาการชาอาจเป็นอยู่เป็นเวลานาน หรือในบางกรณีอาจเป็นถาวรได้ ดังนั้น คนที่ตัดสินใจทำหัตถการนี้จึงควรพิจารณาถึงข้อนี้ด้วย
ผู้ที่มีหน้าผากย่นจริง ๆ และมีเนื้อค่อนข้างนิ่ม การดึงหน้าผากจะได้ผลดีและคุ้มค่ากับการมีแผลยาว แต่ถ้าหน้าผากไม่ได้ย่นมากหรือผิวหนังยังตึงอยู่ การผ่าตัดอาจให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร และอาจเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น รวมถึงปัญหาแผลไม่ติดได้ ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นที่เห็นได้ชัดเจนอย่างที่เป็นข่าวในบางกรณี
3. ดึงขมับ (Temporal Lift / Upper Face Lift)
การดึงขมับ เป็นส่วนหนึ่งของการผ่าตัดดึงหน้า แต่เน้นการยกกระชับในแนวเฉียง 45 องศา หรือดึงไปด้านข้าง เพื่อยกแนวขมับและกรอบหน้าส่วนบนขึ้น แผลผ่าตัดมักจะซ่อนอยู่ในผมหรือตรงไรผมเลย ซึ่งอาจจะไปทับซ้อนกับการดึงหางคิ้ว หรืออาจขยายแผลลงมาจนถึงบริเวณกรอบตาด้านข้าง หรือเลยไปถึงขอบหน้าหูด้านล่างเล็กน้อย เพื่อช่วยดึงกรอบหน้าส่วนบนให้ยกกระชับขึ้น
หากแผลผ่าตัดอยู่ในผม แพทย์จะเข้าสู่ชั้นระหว่างเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ซึ่งอยู่ลึกกว่าการเข้าใต้ชั้นผิวหนังโดยตรง แต่ถ้าแผลอยู่ตรงแนวไรผม แพทย์จะเข้าใต้ชั้นผิวหนังบริเวณกล้ามเนื้อขมับ (Temporalis Muscle) โดยตรง เนื่องจากบริเวณนี้ยังไม่มีชั้น SMAS
การดึงขมับจึงเป็นการดึงที่ชั้นกล้ามเนื้อหลักโดยตรง ซึ่งจะอยู่เหนือเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อและลึกกว่าแผลที่ไรผมเล็กน้อย ผลลัพธ์ที่ได้คือ การยกกระชับหางตาและหางคิ้ว ทำให้บริเวณกรอบหน้าส่วนบนดูตึงขึ้น อาจจะบอกว่าเป็นการดึงขมับ หรือดึงหางตาร่วมด้วยก็ได้ เพราะฉะนั้นมันจะเป็นส่วนหนึ่งของการทํา Upper Face Lift นั่นเอง
4. ดึงหางตา (Lateral Canthopexy)
Lateral Canthopexy เป็นหัตถการที่ซับซ้อนขึ้น มุ่งเน้นการดึงหางตา ที่หย่อนคล้อยให้ยกกระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาหางตาตกจริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่หนังตาหย่อนคล้อย โดยปกติแล้วดวงตาจะถูกยึดกับกระดูกเบ้าตาด้วยเอ็นยึดกระดูกด้านข้างที่เรียกว่า Lateral Canthus ซึ่งอยู่บริเวณหางตา (ส่วนหัวตาเรียกว่า Medial Canthus)
ในการทำ Lateral Canthopexy ศัลยแพทย์จะใช้แผลที่อาจรวมกับการผ่าตัดตาบนหรือตาล่าง เพื่อเข้าถึงจุดที่เป็นเยื่อเอ็นยึดกระดูกกับตา จากนั้นอาจต้องตัดเอ็นนี้ แล้วย้ายไปยึดกับเยื่อหุ้มกระดูกในตำแหน่งที่สูงขึ้น เพื่อให้หางตาดูชี้ขึ้นและได้รูปทรงที่ต้องการ การเย็บยึดต้องแข็งแรงพอสมควรเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ และอาจมีการตกแต่งหนังตาล่างตามไปด้วย
นอกจากนี้ Lateral Canthopexy ยังสามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาตาปลิ้น ที่เกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดตาล่างในบางกรณี โดยการดึงเอ็นเยื่อยึดกระดูกตรงนี้ให้สูงขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการหย่อนคล้อยของเปลือกตาล่างและดึงหนังตาให้กลับเข้าที่ หัตถการนี้แม้ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่ก็มีการทำเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะทางในบางกรณี
บทสรุป
การตัดสินใจทำศัลยกรรมบริเวณรอบดวงตาและใบหน้าส่วนบน ควรเริ่มจากการทราบปัญหาของตนเองอย่างชัดเจน และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมกันตัดสินใจเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับโครงสร้างและความคาดหวัง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการและคุ้มค่ากับการผ่าตัด
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ทุกคนเข้าใจการแก้ไขปัญหาบริเวณรอบดวงตาได้มากขึ้น หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ทุกช่องทางของ Bestheticsurgery โดยหมอบี ศัลยกรรมตกแต่ง หรือติดตามสาระดี ๆ ได้ที่ Beauty Med Hub https://beautymedhub.com แพลตฟอร์มรวบรวมสาระความรู้ดี ๆ มากมาย จากคุณหมอศัลยแพทย์ตกแต่งผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน จัดทำทั้งในรูปแบบบทความเจาะลึกและอินโฟกราฟิก อ่านง่าย เข้าใจทุกเรื่องศัลยกรรมเสริมความงามได้ภายในไม่กี่นาที
รับชมคลิป ดึงหางคิ้ว ดึงหางตา ดึงขมับ ดึงหน้าผาก ต่างกันอย่างไร?
ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน
