วันนี้หมอจะมาเจาะลึกเรื่องการทำศัลยกรรมตกแต่งตามช่วงอายุ ตั้งแต่อายุ 18 ปี ไปจนถึง 70 ปี และมากกว่านั้น (อาจจะถึงช่วงอายุ 80 ต้น ๆ) ซึ่งเป็นหัวข้อที่น่าสนใจและมีหลายคนสงสัย หมอจึงสรุปเป็น “คู่มือศัลยกรรมตามช่วงอายุ” มาให้ครับ
สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้นคือ ช่วงอายุเป็นเพียงแนวทางกว้าง ๆ ในการพิจารณาเลือกทำศัลยกรรมเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งแล้ว จะสามารถทำศัลยกรรมได้อย่างที่เจาะจง เพราะปัญหาและความต้องการของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ซึ่งบางท่านอาจมีปัญหาที่ต้องแก้ไขก่อนถึงช่วงอายุ หรือในกรณีของการศัลยกรรมเพื่อแก้ไขความผิดปกติหรือจากอุบัติเหตุ ก็อาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยโดยไม่ต้องอิงตามช่วงอายุ
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงการศัลยกรรมตกแต่งเพื่อเสริมความงามนั้น โดยทั่วไปควรเริ่มทำเมื่ออายุ 18-20 ปีขึ้นไป หรือเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว หากอายุน้อยกว่านั้น การเข้ารับการผ่าตัดจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมายนั่นเองครับ

การทำศัลยกรรมความงาม ช่วงอายุ 18-25 ปี
สำหรับช่วงวัย 18-20 ปีขึ้นไป ซึ่งยังถือว่าเป็นช่วงอ่อนเยาว์ การทำศัลยกรรมส่วนใหญ่จึงมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งโครงสร้างต่าง ๆ เพื่อเสริมความงาม โดยยังไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขหรือการย้อนวัยที่เห็นได้ชัดเจน ตัวอย่างการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมในวัยนี้ ได้แก่ การทำตาสองชั้น ไม่ว่าจะเป็นการกรีดสั้น กรีดยาว หรือการเย็บแบบจุด เพื่อให้ได้ชั้นตาที่สวยงาม หรือในบางรายอาจมีปัญหาหนังตาตกจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงตั้งแต่กำเนิด ก็สามารถแก้ไขได้ รวมถึงการจัดการกับถุงใต้ตา ซึ่งในวัยนี้มักจะยังไม่มีหนังส่วนเกิน จึงอาจใช้วิธีการเจาะจากด้านในเพื่อนำไขมันออก โดยไม่ต้องมีแผลภายนอก
อีกหนึ่งการศัลยกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ การทำจมูก ซึ่งในคนเอเชียส่วนใหญ่มักจะเป็นการเสริม หรือปรับแต่งให้เข้ากับรูปหน้า ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคแบบเปิดหรือแบบปิด แต่โดยทั่วไปแล้ว ในวัยนี้แพทย์มักแนะนำให้ทำแบบปิดก่อน หากสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดี ยกเว้นในบางกรณีที่จำเป็นต้องใช้เทคนิคแบบเปิด เช่น การใช้กระดูกอ่อนซี่โครงเพื่อปรับโครงสร้างจมูกที่ซับซ้อน หรือในผู้ที่มีโครงสร้างจมูกเล็กมาก ๆ
นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขรูปร่างของใบหน้าในส่วนอื่น ๆ เช่น การปรับแต่งหูกาง การตัดโหนกแก้ม การตัดมุมกราม รวมถึงการแก้ไขปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ ซึ่งมักจะต้องทำร่วมกับการจัดฟัน หรือในบางกรณีอาจต้องมีการผ่าตัดเลื่อนกระดูกขากรรไกรบนหรือล่าง โดยทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมจัดฟันจะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้
สำหรับการศัลยกรรมบริเวณร่างกาย ก็อาจมีการเสริมหน้าอกด้วยเทคนิคต่าง ๆ การดูดไขมันเฉพาะส่วน การเสริมก้น การเสริมน่องในบางราย หรือแม้กระทั่งการตกแต่งลดขนาดน่อง ซึ่งการตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดใด ๆ ก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในด้านนั้น ๆ โดยตรง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการครับ

การทำศัลยกรรมความงาม ช่วงอายุ 25-35 ปี
สำหรับช่วงอายุ 25-35 ปี ถือเป็นช่วงที่เริ่มมีสัญญาณของวัยที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย จะมีการทำตาบน ตาล่าง และการตกแต่งจมูก โดยในช่วงวัยนี้การออกแบบการผ่าตัดจมูกมักจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคแบบเปิด (Open) หรือแบบปิด (Close) เนื่องจากโครงสร้างใบหน้าโดยส่วนใหญ่จะคงที่แล้ว
นอกจากนี้ การปรับรูปหน้าด้วยการตัดหรือเสริมโหนกแก้มและมุมกราม การเสริมหน้าผาก การแก้ไขหูกาง รวมถึงการเติมเต็มใบหน้าด้วยการฉีดไขมันในจุดต่าง ๆ หรือการตกแต่งรูปร่างหน้าอก ก็เป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจเช่นกัน ในส่วนของรูปร่าง ก็ยังคงมีการดูดไขมันเฉพาะส่วน การเสริมก้น หรือการเสริมน่อง เพื่อให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ในช่วงวัยนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องความเสื่อมชรา (Aging) ที่เห็นได้ชัดเจนนัก การศัลยกรรมจึงมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงและเสริมสร้างความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเองเป็นหลักครับ

การทำศัลยกรรมความงาม ช่วงอายุ 35-45 ปี
เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 35-45 ปี วัยทำงานที่อาจมีความเครียดและเริ่มมีสัญญาณของวัยที่ชัดเจนขึ้น การทำศัลยกรรมจึงมุ่งเน้นไปที่การช่วยย้อนวัยให้ดูอ่อนเยาว์ลง โดยยังคงมีการทำศัลยกรรมตาบน การดึงหางคิ้ว เพื่อแก้ไขปัญหาหนังตาตก หางคิ้วตก ซึ่งในวัยนี้อาจต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การทำ Sub Brow Lift, Direct Brow Lift หรือการใช้ Endotine ยกคิ้ว เนื่องจากบางรายอาจเริ่มมีปัญหาคิ้วตกหรือหางตาตก การแก้ไขที่เปลือกตาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนหรือไขมัน การฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้า การทำจมูกทั้งแบบเปิดและแบบปิด รวมถึงการผ่าตัดปรับโครงสร้างกระดูกโหนกแก้มหรือกรามก็ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ในช่วงวัยนี้ หลายคนอาจเริ่มพิจารณาการทำ Upper หรือ Mid Face Lift รวมถึงเทคนิค Lift & Fill ซึ่งเป็นการยกกระชับใบหน้าส่วนบนร่วมกับการฉีดไขมันเติมเต็มบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม หรือหน้าผาก เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
ที่สำคัญ ในช่วงอายุนี้ยังมีการทำหัตถการเสริมความงามอื่น ๆ ควบคู่กันไปอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ การทำ Thermage, Ulthera, HIFU หรือ Laser Treatment ต่าง ๆ รวมถึงการดูดไขมันบริเวณกรอบหน้าและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การเสริมหรือลดขนาดหน้าอก และในบางรายที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยจากการลดน้ำหนักมาก หรือหลังการมีบุตร ก็อาจพิจารณาการผ่าตัดยกกระชับหน้าอกหรือหน้าท้องร่วมด้วยครับ

การทำศัลยกรรมความงาม ช่วงอายุ 45-60 ปี
สำหรับช่วงอายุ 45-60 ปี ถือเป็นวัยผู้ใหญ่ตอนปลาย ซึ่งหลายท่านอยู่ในช่วงท้ายของการทำงานและมีความมั่นคงในชีวิต การทำศัลยกรรมในช่วงนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การย้อนวัยเป็นหลัก แต่ด้วยสุขภาพร่างกายที่ยังแข็งแรงและโดยทั่วไปยังสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ดี (หากไม่มีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ) จึงมีการทำศัลยกรรมหลากหลายประเภท อย่างการทำศัลยกรรมตาบนและตาล่างเพื่อแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยและหนังตาตก รวมถึงการใช้เทคนิค Endotine ดึงคิ้วและดึงหน้าผาก การเสริมหน้าผาก และการยกหางคิ้ว
นอกจากนี้ การดึงหน้าก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สำคัญ ซึ่งอาจเป็นการดึงหน้าส่วนบน (Upper Face Lift), ส่วนกลาง (Mid Face Lift) หรือการดึงหน้าแบบเต็ม (Full Face Lift) ที่รวมถึงการดึงบริเวณคอและใต้คางร่วมด้วย และอาจมีการดูดไขมันใต้คางเพื่อปรับรูปหน้าให้กระชับยิ่งขึ้น รวมถึงการฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้าเพื่อเพิ่มความอ่อนเยาว์
การเสริมจมูกยังคงมีการทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งแก้ไข หรือแม้แต่การลดขนาด ส่วนของหน้าอก ก็อาจมีการปรับแต่ง เสริม หรือลดขนาด รวมถึงการยกกระชับในบางราย สำหรับการปรับรูปร่าง ก็ยังคงมีการดูดไขมันส่วนต่าง ๆ และที่สำคัญคือการตัดไขมัน ตัดหนังหน้าท้องที่หย่อนคล้อย ซึ่งนอกจากบริเวณหน้าท้องแล้ว ในช่วงอายุ 50-60 ปี บางท่านอาจเริ่มพิจารณาการยกกระชับต้นขาหรือใต้แขนร่วมด้วยครับ

การทำศัลยกรรมความงาม ช่วงอายุ 60-70 ปี
สำหรับช่วงอายุ 60-70 ปี แน่นอนว่าการทำศัลยกรรมยังคงมุ่งเน้นไปที่การย้อนวัยเป็นหลัก โดยการดึงหน้าอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และมักจะเป็นการทำ Full Face Lift ที่ดึงทั้งใบหน้าและลำคอ รวมถึงอาจมีการเก็บเหนียงใต้คาง หรือทำ Platymaplasty ร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีการใช้ Endotine ในการทำ Forehead Lift หรือดึงหน้าผาก และการยกหางคิ้วด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น Direct Brow Lift ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแพทย์เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
การทำศัลยกรรมบริเวณรอบดวงตา เช่น การทำตาบน ตาล่าง การแก้ไขถุงใต้ตา และการตกแต่งหนังใต้ตา ก็ยังคงมีความสำคัญ ในส่วนของการปรับแต่งจมูก อาจเป็นการแก้ไขเล็กน้อยจากสิ่งที่เคยทำมาในอดีต หรือการตกแต่งบริเวณปลายจมูกที่อาจเริ่มหย่อนคล้อย โดยอาจใช้เพียงกระดูกอ่อนของตัวเอง และอาจไม่ใช่การเสริมจมูกครั้งใหญ่เหมือนในวัยที่อ่อนกว่า
สำหรับการศัลยกรรมร่างกาย อาจเป็นการแก้ไขหน้าอกที่เคยเสริมมา การยกกระชับหน้าอก หรือการตัดตกแต่งหน้าท้อง ซึ่งปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณหน้าท้องจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นในวัยนี้ โดยเฉพาะในคุณแม่ที่เคยมีบุตร นอกจากนี้ ยังมีการยกกระชับท้องแขน ต้นขา และการดูดไขมันเฉพาะจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ
สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในวัยนี้คือ ไม่ควรทำศัลยกรรมหลายอย่างพร้อมกันที่ต้องใช้เวลานานในการดมยา (เกิน 6-10 ชั่วโมง) และควรเน้นการทำศัลยกรรมเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญที่สุดคือ การตรวจสุขภาพอย่างละเอียดก่อนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากร่างกายอาจไม่แข็งแรงเท่ากับช่วงวัยก่อน 60 ปีแล้วครับ

การทำศัลยกรรมความงาม ช่วงอายุ 70 ปี ขึ้นไป
สำหรับผู้ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ยังสามารถทำศัลยกรรมได้หรือไม่? ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะพิจารณาไปจนถึงช่วงอายุ 80 ปีต้น ๆ โดยปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่ที่อายุเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับสุขภาพโดยรวมของแต่ละบุคคล หากสุขภาพแข็งแรงดีก็ยังสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ตามปกติ ดังที่คุณหมอเคยกล่าวไว้ว่าผู้สูงอายุก็สามารถทำศัลยกรรมได้
ทั้งนี้ การพิจารณาจะขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละราย รวมถึงขนาดของการผ่าตัดและวิธีการต่าง ๆ หากเป็นเพียงหัตถการเล็ก ๆ ที่ใช้ยาชาเฉพาะที่ก็มักจะไม่มีปัญหามากนัก แต่สำหรับผู้ที่ต้องรับประทานยาละลายลิ่มเลือด หรือมีประวัติการทำ Stent หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือด อาจต้องปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เพื่อพิจารณาการหยุดยา (หากจำเป็น) ก่อนเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่ง
สำหรับการทำศัลยกรรมในวัยนี้ ส่วนใหญ่มักจะเน้นที่บริเวณดวงตา โดยเฉพาะการแก้ไขหนังตาบนที่ตกจนอาจบดบังการมองเห็น ซึ่งในกรณีนี้ การทำศัลยกรรมจึงมีจุดประสงค์ทั้งด้านความงามและการใช้งาน นอกจากนี้ การแก้ไขถุงไขมันและหนังใต้ตาก็เป็นสิ่งที่นิยมทำเช่นกัน ในบางรายที่มีปัญหาคิ้วตกมาก การแก้ไขหนังตาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จึงอาจต้องมีการยกหางคิ้ว หรือทำ Direct Brow Lift ร่วมด้วย
สำหรับการดึงหน้า ในผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรงดี มักจะเป็นการทำ Full Face Lift เพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อยทั่วใบหน้าและลำคอ รวมถึงอาจมีการดูดไขมันใต้คางและเก็บเหนียง หรือทำ Platymaplasty หากมีปัญหาหนังใต้คอหย่อนคล้อยมาก ในบางรายที่มีรอยย่นหน้าผากชัดเจนและคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการผ่าตัด ก็อาจพิจารณาการทำ Forehead Lift
ส่วนการยกกระชับสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าอก ท้อง หรือต้นขา จะขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้เข้ารับการผ่าตัดว่าสามารถเข้ารับการผ่าตัดใหญ่และดมยาสลบได้หรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดในวัยนี้คือการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและการตรวจร่างกายก่อนผ่าตัด รวมถึงการปรึกษาแพทย์อายุรกรรม เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมตกแต่ง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกเสมอครับ
บทสรุป
โดยสรุปแล้ว การทำศัลยกรรมตกแต่งสามารถพิจารณาได้ในทุกช่วงวัยตั้งแต่ 18 ปีไปจนถึง 70 ปีและมากกว่านั้น โดยมีจุดประสงค์และประเภทของการศัลยกรรมที่เหมาะสมแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยเป็นอันดับแรก การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสมของการทำศัลยกรรมจึงเป็นขั้นตอนที่ไม่สามารถละเลยได้ เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบและได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ
บทความต่อไปหมอจะมีสาระดี ๆ มาฝากอีก อย่าลืมติดตามนะครับ และฝากติดตามแพลตฟอร์ม Beauty Med Hub https://beautymedhub.com รวบรวมสาระความรู้ดี ๆ มากมาย จากคุณหมอศัลยแพทย์ตกแต่งผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน จัดทำทั้งในรูปแบบบทความเจาะลึกและอินโฟกราฟิก อ่านง่าย เข้าใจทุกเรื่องศัลยกรรมเสริมความงามได้ภายในไม่กี่นาที
รับชมคลิป ศัลยกรรมแบบไหน “เวิร์ค” ในแต่ละช่วงอายุ
ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน