การผ่าตัดเสริมสวย หรือทำศัลยกรรมเพื่อบำรุงรักษาและเสริมสร้างความงามของใบหน้าและร่างกาย ถือเป็นเรื่องใหญ่ของหลาย ๆ คน และต้องเผชิญกับความกังวลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ใบหน้าทรงไหนเหมาะกับเรา” “จะไปทำศัลยกรรมที่ไหนดี” “ทำแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาจะดีไหม หน้าจะเบี้ยวหรือเปล่า” “ถ้าทำออกมาแล้วไม่สวย คนอื่นจะล้อเราไหม” ฯลฯ จนหลายคนจับต้นชนปลายไม่ถูก
แต่อย่าเพิ่งตกใจไป บทความนี้หมอจะพาไปดูเช็กลิสต์ 5ข้อที่ควรรู้ ก่อนการทำศัลยกรรมครั้งแรก เพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาหาข้อมูลให้ได้ผลลัพธ์ในการทำศัลยกรรมที่ปลอดภัยและถูกใจคนทำ เพื่อสร้างเสริมความมั่นใจและสร้างพลังบวกในการดำเนินชีวิตครับ
1. รู้จักตัวเองว่าต้องการทำอะไร และแก้ปัญหาที่จุดใด
หลายคนที่ไม่มั่นใจกับใบหน้าตัวเอง ส่องกระจกแล้วก็อยากแก้ไปหมดทุกจุด ก่อนที่จะหลงทาง ลองถามใจตัวเองให้ดีก่อนว่า ไม่ชอบใบหน้าตัวเองในจุดไหน และอยากปรับแก้ตรงไหนครับ โดยอาจจะเริ่มจากหาต้นแบบใบหน้าที่ชอบดูก่อน เช่น อยากสวยหวานแบบเกาหลี หรืออยากได้หน้าคมเข้มแบบสายฝอ แล้วค่อย ๆ พิจารณาเป็นอย่าง ๆ ไป
เพราะว่าบางที เมื่อแก้ทีละจุดให้ออกมาในแบบที่ชอบแล้ว แต่พอมาดูรวมกันทั้งใบหน้าแล้วก็อาจจะออกมาไม่สวยอย่างที่คิด เพราะทุกอย่างควรจะแก้ไขอย่างสมดุลกันนะครับ
บริเวณที่คนนิยมทำศัลยกรรมบนใบหน้าเพื่อเสริมความงาม ได้แก่ บริเวณโครงหน้า เช่น โหนกแก้ม (การยุบ เลื่อน หรือกรอกระดูกโหนกแก้ม) กราม (เช่นการตัดกราม หรือเหลากราม) กราม-คาง (วีไลน์) จมูก (ตัดปีกจมูก เสริมดั้งจมูก) และตา (ยกกระชับหนังตา ทำตาสองชั้น) เป็นต้น โดยแต่ละคนก็มีส่วนที่โดดเด่นเป็นจุดสังเกตไม่เหมือนกัน
2. โรคประจำตัว ยาและวิตามินที่ทานประจำ
ผู้ที่สนใจทำศัลยกรรมหลายคนสงสัยว่า ถ้ามีโรคประจำตัวแล้วจะทำศัลยกรรมได้ไหม คำตอบคือ ทำได้ แต่ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากโรค และผลข้างเคียงจากยาและวิตามินที่รับประทานประจำ เพื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงและการปฏิบัติตัวก่อนและหลังทำศัลยกรรม
โรคประจำตัวที่หลายคนถามถึง และต้องมีการประเมินอย่างระมัดระวังก่อนเข้ารับการทำศัลยกรรม ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์ โรคเลือดต่าง ๆ และโรคปอด โดยก่อนจะเข้ารับการทำศัลยกรรม คนไข้ควรมีข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัวที่ตัวเองมี ยา และวิตามินที่ทานประจำ ตลอดจนดูแลตัวเองให้สภาพร่างกายอยู่ในระดับที่สมดุลอยู่สม่ำเสมอ และเมื่อปรึกษาศัลยแพทย์เกี่ยวกับการทำศัลยกรรม ต้องไม่ปิดบังข้อมูล เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินความเหมาะสม และพิจารณาขั้นตอนการผ่าตัดให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด
3. หาข้อมูล เลือกแพทย์ และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
การเลือกคลินิคศัลยกรรมเสริมความงามให้ปลอดภัย ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะมีกรณีความผิดพลาดและสูญเสียให้เห็นกันอยู่เรื่อย ๆ โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้แนะนำวิธีการเลือกคลินิคศัลยกรรมเสริมความงามไว้ว่า วิธีเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
- ศัลยแพทย์ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ช่วยยืนยันคุณภาพและความน่าเชื่อถือของแพทย์
- สถานพยาบาลมีใบอนุญาตประกอบกิจการ ตรวจสอบให้มั่นใจ ไม่ตกเป็นเหยื่อของคลินิคเถื่อน
- สถานพยาบาลมีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่สำคัญ เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องตรวจสอบคลื่นหัวใจ และอุปกรณ์กู้ชีพ เพื่อดูแลผู้เข้ารับบริการตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงกรณีฉุกเฉิน
- สถานพยาบาลดูดี มีความสะอาด สะท้อนภาพลักษณ์ของการดูแลเอาใจใส่ในทุกขั้นตอน
- ศัลยแพทย์พูดคุย ให้ความรู้อย่างละเอียด พร้อมตอบคำถามและเป็นมิตรกับผู้เข้ารับบริการ
ซึ่งเท่านี้อาจไม่เพียงพอนะครับ การจะทำศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวยนั้น แพทย์ที่จะทำได้อย่างถูกต้อง พื้นฐานจะต้องเป็นแพทย์เฉพาะทาง โดยในประเทศไทย จะมี 3 ประเภทโดยสรุปนะครับ
- ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง เป็นแพทย์ที่เรียบจบเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างโดยตรง โดยจะเป็นสมาชิกของ “สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย” และ “สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย” ซึ่งต้องจบศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้างมาแล้วเกิน 1 ปีจึงจะเป็นสมาชิกศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทยได้ โดยแพทย์ที่จบทางนี้ก็จะทำศัลยกรรมตกแต่งได้ทั้งร่างกาย
- ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้า จะเป็นแพทยที่จบเฉพาะทาง ทาง หู คอ จมูกเป็นส่วนใหญ่ และต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าจบจนได้ประกาศนียบัตร แล้วเท่านั้น ซึ่งจะเป็น สมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย “แต่” ผู้ที่เป็นสมาชิกของ ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทยนั้น อาจไม่จำเป็นต้องจบเฉพาะทางจึงควรเช็กชื่อแพทย์ก่อนครับ ซึ่งก็จะทำผ่าตัดตกแต่งเฉพาะส่วนของบริเวณใบหน้าเท่านั้น
- จักษุแพทย์ ที่เรียนต่อและจบเฉพาะทาง oculoplastic หรือ จักษุตกแต่งและเสริมสร้างแล้ว เท่านั้น ซึ่งก็จะทำ ผ่าตัดตกแต่งเฉพาะหนังตาหรือรอบดวงตาเท่านั้น
จะเห็นนะครับว่าชื่อ สมาคม มีที่มาที่ไปต่างกัน แต่การเลือก แพทย์ที่ถูกต้องแล้วอย่างน้อยก็จะเกิดความปลอดภัยต่อเรามากขึ้นไม่เกิดการผ่าตัดอะไรที่ไม่ควรทำ อย่างที่หมอแนะนำถ้ายังไม่รู้จักแพทย์ ให้ขอชื่อ นามสกุลจริง เข้าเว็บ แพทยสภา www.tmc.or.th หรือ search คำว่า แพทยสภา ใน Google ก็ได้นะครับ กรอกชื่อ นามสกุลก็จะขึ้นมาทันทีว่าเรียนจบเฉพาะทาง มาแค่ไหน อย่าลืมทำนะครับ สำคัญมาก และมักจะส่งผลต่อเนื่องแพทย์เหล่านี้ก็มักจะเลือกปฏิบัติงาน ในสถานที่ที่ได้มาตรฐานเพราะรู้ว่ามาตรฐานมันต้องมีอะไรบ้างนั่นเอง
นอกจากนี้ส่วนใหญ่แล้ว หลาย ๆ คลินิคทำศัลยกรรม มักมีบริการให้คำปรึกษาฟรีครั้งแรก ผู้เข้ารับบริการควรใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับสถานพยาบาลและศัลยแพทย์ที่ให้การดูแล เพื่อสร้างความคุ้นเคย และทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริการ สิ่งที่ต้องการ ความเสี่ยง และข้อปฏิบัติ ให้ตรงกัน นอกจากนี้ ผู้เข้ารับบริการยังควรหาข้อมูลเพิ่มเติมเอง เช่น เว็บไซต์ รีวิว ตลอดจนข้อร้องเรียนที่อาจมีเกี่ยวกับคลินิคและศัลยแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันตัวเอง และประเมินความคาดหวังก่อนและหลังเข้ารับบริการนั่นเองครับ
4. เลือกราคาที่เหมาะสมกับตัวเรา (ไม่ถูกและไม่แพงเกินไป)
นอกจากหาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิคศัลยกรรมและศัลยแพทย์ที่ได้มาตรฐานแล้ว ผู้เข้ารับบริการก็อาจจะเริ่มประเมินเกี่ยวกับราคาในการทำศัลยกรรมเฉพาะจุดไปพร้อมกัน การเลือกหมอก็ต้องเลือกให้ดีว่า หมอคนนั้นจบทางด้านไหนมา โดยแพทย์ที่มีมาตรฐาน ก็มักจะมีเรตราคาอยู่ในระดับมาตรฐานเช่นกัน
โดยหลายที่ที่มีการทำกิจกรรมไม่ปกติ ก็อาจจะนำเอากลไกด้านราคามาเป็นเหยื่อล่อ ไม่ว่าจะถูกหรือแพงเกินไป
5. ความคาดหวัง ต้องอยู่บนพื้นฐานความจริงที่เป็นไปได้
ย้อนกลับไปที่ข้อแรก การทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความงาม เป็นการ “เสริม” หรือ “ปรับแต่ง” สิ่งที่มีอยู่แล้วให้สวยงามมากขึ้น ซึ่งในการพัฒนาแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ย่อมมีข้อจำกัด และเงื่อนไขตัวแปรต่าง ๆ โดยศัลยแพทย์ที่มีความรับผิดชอบอาจจะไม่สามารถรับปากและทำตามที่ลูกค้าต้องการได้ 100% เนื่องจากต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก โดยแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ควรทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนเริ่มการผ่าตัด และคนไข้ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัดนะครับ
รับชมคลิป ทำศัลยกรรมครั้งแรก ควรรู้ 5 ข้อนี้ก่อน
ใครอยากปรึกษามีปัญหาคาใจ ทุกคำถาม..เรามีคำตอบ ส่งรูปประเมินส่วนตัวมาได้ ตามลิงก์ด้านล่าง หมอจะประเมินให้เองทุกคน